Friday, May 18, 2012

การสารภาพบาป



เคล็ดลัดที่ 4
การสารภาพบาป

บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ  แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา  (สุภาษิต 28:13)  {SC 37.1}
เงื่อนไข ที่จะรับพระเมตตาคุณของพระเจ้านั้นง่ายและยุติธรรมและสมเหตุสมผล  พระเจ้าไม่บังคับให้เราต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อจะได้การอภัยจากบาป  พระองค์ไม่ได้บังคับให้เราเดินทางไปแสวงหาบุญที่ยืดเยื้อและน่าเบื่อหน่าย หรือแก้บาปด้วยการทรมานร่างกายให้เจ็บปวด  เพื่อให้พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ยอมรับจิตวิญญาณของเราหรือลบล้างบาปการล่วง ละเมิดของเรา  แต่ผู้ที่สารภาพและละทิ้งบาปจะได้รับพระเมตตาคุณ  {SC 37.2}
อัครทูตกล่าวว่า  จงสารภาพบาปต่อกันและกัน  และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน  เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย  (ยกกอบ 5:16)  จงสารภาพบาปของท่านกับพระเจ้า  พระองค์เท่านั้นที่จะทรงให้อภัยบาปได้และจงสารภาพความผิดต่อกันและกัน  หากท่านทำผิดต่อมิตรสหายหรือเพื่อนบ้านของท่านท่านจะต้องยอมรับผิด  และเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะอภัยให้ท่านด้วยความเต็มใจ  แล้วท่านจะต้องทูลขอพระเจ้าทรงอภัยให้ท่านด้วย  เพราะพี่น้องที่ท่านได้ทำผิดต่อเขานั้นเป็นสมบัติของพระเจ้า  และเมื่อท่านทำร้ายเขา  ท่านก็ได้ทำบาปต่อพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ของเขาด้วย  และคดีความนี้จะถูกนำขึ้นไปยังเบื้องพระพักตร์ของพระผู้ไกล่เกลี่ยแท้จริง พระองค์เดียว  พระองค์ผู้ทรงเป็นมหาปุโรหิตยิ่งใหญ่ของเรา  ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ  ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป  และพระองค์ทรง  เห็นใจในความอ่อนแอของเราทุกประการ  และทรงชำระเราจากความเปรอะเปื้อนของความชั่วทุกประการ  (ฮีบรู 4:15)  {SC 37.3}
ผู้ ที่ไม่ได้ถ่อมจิตใจลงเพื่อยอมรับความผิดของเขาต่อพระเจ้าก็ยังไม่ได้ปฏิบัติ ตามเงื่อนไขข้อแรกเพื่อให้พระเจ้าทรงยอมรับ  หากเรายังไม่เคยมีประสบการณ์ของการกลับใจ  ไม่เคยรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำไปและไม่ได้ถ่อมจิตใจลงอย่างแท้จริง  และวิญญาณจิตไม่รู้สึกชอกช้ำที่ต้องสารภาพความบาปและรู้สึกเกลียดชังความ ชั่วของตัวเองแล้ว  เราก็ยังไม่เคยทูลขอการอภัยบาปอย่างแท้จริง  และหากเรายังไม่เคยทูลขอ  เราก็จะยังไม่เคยพบกับสันติสุขในพระเจ้า  มีเหตุผลเดียวที่ทำให้บาปผิดในอดีตที่ผ่านมาไม่ได้รับการอภัยคือ  เราไม่เต็มใจที่จะถ่อมจิตใจของเราลงและทำตามเงื่อนไขที่จารึกไว้ในพระวจนะ แห่งความจริง  สำหรับเรื่องนี้ได้ทรงประทานคำแนะนำไว้อย่างชัดเจน  การสารภาพบาปไม่ว่าจะทำในที่ลี้ลับหรือในที่สาธารณะจะต้องทำด้วยความจริงใจ และด้วยความสมัครใจ  คนบาปจะต้องไม่ถูกบีบบังคับให้สารภาพบาป  การสารภาพบาปจะต้องไม่ทำอย่างเล่นๆ หรืออย่างไม่ใส่ใจ  หรือเป็นการบังคับผู้ที่ไม่รู้สึกสำนึกถึงความน่ารังเกียจของความบาป  การสารภาพบาปที่ทำด้วยการเปิดส่วนลึกที่สุดของจิตใจออก  จะพบหนทางที่นำไปถึงพระเจ้า  ผู้ทรงกอปรด้วยพระเมตตาที่ไม่มีขอบเขต  ผู้ประพันธ์สดุดีตรัสว่า  พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกช้ำและทรงช่วยผู้ที่จิตใจสำนึกผิด  (สดุดี 34:18)  {SC 37.4}
การ สารภาพบาปที่จริงใจจะต้องมีลักษณะเฉพาะเจาะจงและยอมรับบาปที่ได้ทำไปแล้ว  อาจจะเป็นความบาปที่เราต้องสารภาพต่อเบื้องพระเจ้าเท่านั้นหรือเป็นความบาป ที่เราต้องสารภาพกับบุคคลที่ต้องทนทุกข์อันเนื่องมาจากความผิดที่เราได้ทำ ไป  หรือเป็นความบาปที่ทำต่อส่วนรวมซึ่งต้องสารภาพอย่างเปิดเผย  แต่การสารภาพความบาปทั้งปวงนั้นจะต้องชัดเจนและเจาะจง  ยอมรับบาปที่ท่านได้ทำไป  {SC 38.1}
ใน สมัยของซามูเอล  ชนชาติอิสราเอลเดินหลงออกไปจากทางของพระเจ้า  พวกเขาต้องตกอยู่ในความทุกข์ยากอันเนื่องจากผลของความบาปเพราะพวกเขาได้ ละทิ้งความเชื่อในพระเจ้า  มองไม่เห็นอำนาจและพระปัญญาของพระองค์ที่ปกครองประเทศ  สูญเสียความเชื่อมั่นในอำนาจของพระเจ้าที่พิทักษ์และรักษาผลประโยชน์ของ พระองค์  พวกเขาหันออกไปจากพระเจ้ายิ่งใหญ่ผู้ทรงปกครองจักรวาลและปรารถนาการปกครอง แบบเดียวกันกับประเทศที่อยู่รอบข้าง  ก่อนที่พวกเขาจะพบกันสันติสุขได้อีกครั้งหนึ่งนั้น  พวกเขาได้สารภาพบาปอย่างตรงๆ ว่า  เพราะเราได้เพิ่มความชั่วนี้เข้ากับบาปทั้งสิ้นของเราคือขอให้มีพระราชาสำหรับเราทั้งหลาย  (2 ซามูเอล 12:19)  พวกเขาต้องสารภาพบาปที่ได้ทำไปแล้ว  ความอกตัญญูของพวกเขาบีบบังคับจิตวิญญาณและได้ตัดพวกเขาออกไปจากพระเจ้า  {SC 38.2}
พระเจ้าจะไม่ยอมรับการสารภาพบาปที่ปราศจากการกลับใจและการปฏิรูปด้วยความจริงใจ  จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างแน่วแน่  จะต้องขจัดสิ่งที่พระเจ้ารังเกียจทิ้งไปให้หมด  เป็นผลงานที่เกิดจากการเสียใจต่อบาปอย่างสุดซึ้ง  ส่วนที่เราจะต้องทำนั้นได้จัดวางไว้อยู่หน้าเราอย่างชัดเจนว่า  จงชำระตัว  จงทำตัวให้สะอาด  จงเอากรรมชั่วของเจ้าออกไปให้พ้นจากสายตาของเรา  จงเลิกกระทำชั่ว  จงฝึกกระทำดี  จงแสวงหาความยุติธรรม  จงบรรเทาผู้ถูกบีบบังคับ  จงป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อ  จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย  (อิสยาห์ 1:16, 17ถ้า คนอธรรมได้คืนของประกัน  ขโมยอะไรของเขามาก็คืนเสีย  และดำเนินตามกฎเกณฑ์แห่งชีวิต  ไม่กระทำความบาปชั่วเลย  เขาจะดำรงชีวิตอยู่แน่  เขาไม่ต้องตาย  เปาโลกล่าวถึงการกลับใจว่า  จงพิจารณาดูว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า  กระทำให้เกิดความกระตือรือร้นมากทีเดียว  ทำให้เกิดความขวนขวายที่จะแก้ตัวใหม่และการเดือดร้อนแทนความตื่นตัว  ความอาลัย  และความกระตือรือร้น  และการลงโทษในทุกสิ่งเหล่านี้  ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าท่านก็ไม่ได้กระทำผิด  (2 โครินธ์ 7:11)  {SC 39.1}
เมื่อ ความบาปทำให้การรับรู้ทางศีลธรรมตายด้านไป  ผู้ที่ทำผิดมองไม่เห็นความบกพร่องในอุปนิสัยของตนเอง  หรือตระหนักถึงความร้ายกาจของความชั่วที่เขาได้ทำ  และถ้าเขาไม่ยอมรับอำนาจการตักเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว  ตาของเขาก็จะยังคงมืดมนต่อความบาปที่เขาได้ทำ  เขาจะไม่จริงใจและไม่จริงจังต่อการสารภาพของเขา  สำหรับความผิดทุกเรื่องที่เขารู้เขาจะมีข้ออ้างเพื่อแก้ตัวให้กับสิ่งที่เขา ทำ  โดยกล่าวว่า  หากไม่ใช่เป็นเพราะสถานการณ์บังคับแล้ว  เขาก็คงจะไม่ทำสิ่งนั้นหรือสิ่งนี้ที่ทำตัวเขาต้องถูกตำหนิ  {SC 40.1}
หลัง จากอาดัมและเอวาได้รับประทานผลไม้ต้องห้ามแล้ว  พวกเขาอับอายและหวาดกลัวอย่างเต็มที่  ในช่วงแรก  พวกเขาได้แต่คิดว่าจะแก้ตัวให้กับการกระทำบาปอย่างไร  และหนีให้พ้นความตายซึ่งเป็นคำตัดสินที่น่ากลัวได้อย่างไร  เมื่อพระเจ้าตรัสถามถึงบาปของเขา  อาดัมตอบด้วยการโยนความผิดส่วนหนึ่งให้พระเจ้าและอีกส่วนหนึ่งให้แก่คู่ ชีวิตของเขา  หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพระองค์นั้นส่งผลไม้นั้นให้ข้าพระองค์  ข้าพระองค์จึงรับประทาน  ส่วนหญิงนั้นโยนความผิดใส่งูด้วยการพูดว่า  งูล่อลวงข้าพระองค์ข้าพระองค์จึงได้รับประทาน  (ปฐมกาล 3:12, 13)  ทำไมพระองค์จึงทรงสร้างงู  ทำไมพระองค์จึงปล่อยให้มันเข้ามาในสวนเอเดน  นี่คือความหมายของคำตอบที่เธอใช้แก้ตัวให้กับบาปของเธอ  ด้วยประการฉะนี้  พวกเขาจึงโยนความรับผิดชอบต่อการล้มลงในบาปให้พระเจ้า  วิญญาณแห่งการชอบแก้ตัวที่กำเนิดมาจากบิดาแห่งการพูดมุสาจึงปรากฏอยู่ในบุตรชายและบุตรหญิงทั้งปวงของอาดัม  การสารภาพบาปในรูปแบบเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการดลใจจากพระวิญญาณของพระเจ้าและพระองค์จะไม่ทรงยอมรับ  การกลับใจที่แท้จริงจะนำบุคคลนั้นให้ยอมรับความผิดว่าเป็นของตนเองและยอมรับโดยไม่มีการแอบแฝงหรือเสแสร้ง  เขาจะเป็นเหมือนคนเก็บภาษีผู้น่าสงสารซึ่งไม่กล้าแม้จะแหงนหน้าดูฟ้า  แต่ได้ร้องว่า  ข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงโปรดพระเมตตาแก่ข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาปเถิด  (ลูกา 18:13)  และผู้ที่ยอมรับความผิดของตนเองจะได้รับการแก้ให้เป็นผู้ชอบธรรม  เพราะว่าพระเยซูจะทรงทูลขอแทนจิตวิญญาณที่ได้กลับใจด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง  {SC 40.2}
แบบอย่างของการกลับใจด้วยความจริงใจและถ่อมใจดังที่มีจารึกไว้ในพระวจนะของพระเจ้านั้น  เปิดเผยให้เห็นการสารภาพบาปโดยไม่มีการแก้ตัวหรือพยายามทำให้ตนเองไม่มีความผิด  เปาโลไม่ได้คอยหาทางที่จะปกปิดตัวเอง  ท่านป้ายสีความบาปของท่านด้วยสีเข้มที่สุดซึ่งไม่ทำให้ความผิดของท่านเบาบางลง  ท่านกล่าวว่า  สิ่ง เหล่านั้นข้าพระบาทได้กระทำในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อข้าพระบาทรับอำนาจจากพวก มหาปุโรหิตแล้ว  ข้าพระบาทได้ขังวิสุทธิชนหลายคนไว้ในคุก  และครั้นเขาถูกลงโทษถึงตาย  ข้าพระบาทก็เห็นดีด้วย  ข้าพระบาทได้ทำโทษเขาบ่อยๆ ในธรรมศาลาทุกแห่งและบังคับเขาให้กล่าวคำหมิ่นประมาทพระเจ้า  และเพราะข้าพระบาทโกรธเขายิ่งนักข้าพระบาทได้ตามไปข่มเหงถึงเมืองในต่าง ประเทศ  (กิจการของอัครทูต 26:10-11)  ท่านไม่รีรอที่จะประกาศว่า  พระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด  และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก  (1 ทิโมธี 1:15)  {SC 41.1}
ผู้ ที่กลับใจอย่างแท้จริงและมีจิตใจที่ถ่อมและชอกช้ำจะซาบซึ้งกับความรักองพระ เจ้าและราคาที่พระองค์ต้องทรงชำระที่บนกางเขนแห่งคาล์วารีและดั่งเช่นบุตร ที่เข้ามาสารภาพความผิดกับบิดาผู้เปี่ยมด้วยความรัก  ผู้ที่สำนึกผิดอย่างจริงจังและนำความบาปทั้งสิ้นของเขาเข้ามายังพระเจ้าก็จะ เป็นเช่นนั้น  ด้วยมีคำเขียนไว้ว่า  ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น  (1 ยอห์น 1:9)  {SC 41.2}


Visit us for more information http://www.greatesthope.com

For more information, please contact 
Alejandro at mienfield@yahoo.com
or contact
Thailand Adventist Mission 
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
 
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
 
Information:  
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
 

VISIT ALSO


http://www.adventist.or.th/

http://thaivop.com/

No comments: