Friday, May 18, 2012

จงชื่นชมยินดีในพระเจ้า


               
เคล็ดลับที่ 13
จงชื่นชมยินดีในพระเจ้า

                พระเจ้าทรงเรียกเชิญให้เหล่าบุตรทั้งหลายของพระองค์มาเป็นตัวแทนของพระ คริสต์  เพื่อให้คนทั้งหลายได้มองเห็นถึงความดีและพระเมตตาคุณของพระเจ้า  พระเยซูทรงเปิดเผยพระลักษณะที่แท้จริงของพระบิดาให้แก่เรา  ดังนั้น  เราจึงต้องแสดงพระคริสต์ให้แก่ชาวโลกที่ไม่รู้จักความรักที่เปี่ยมด้วยความ อ่อนโยนและความเมตตาของพระองค์  พระเยซูตรัสว่า  พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาในโลกฉันใด  ข้าพระองค์ก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น  ข้าพระองค์อยู่ในเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์.....เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา  (ยอห์น 17:18, 23)  อัครทูตเปาโลกล่าวกับผู้ที่เป็นสาวกของพระเยซูว่า  ท่านปรากฏเป็นหนังสือของพระคริสต์  ให้คนทั้งปวงได้รู้และได้อ่าน  (2 โครินธ์ 3:3, 2)  พระเยซูทรงประสงค์ให้บุตรทุกคนของพระองค์นำจดหมายของพระองค์ไปให้แก่โลก  ถ้าท่านเป็นผู้ติดตามของพระคริสต์  พระองค์ทรงฝากให้ท่านนำจดหมายที่อยู่ในตัวของท่าน  ส่งต่อไปให้แก่ครอบครัวของท่าน  ให้แก่หมู่บ้าน  ตามถนนหนทางในละแวกที่ท่านอาศัย  เมื่อพระเยซูสถิตอยู่ในท่าน  พระองค์ทรงปรารถนาตรัสผ่านท่านไปยังจิตใจของผู้ที่ยังไม่คุ้นกับพระองค์บาง ทีพวกเขาไม่ได้อ่านพระคัมภีร์หรือไม่ได้ยินพระสุร เสียงที่พระองค์ตรัสกับเขาผ่านทางพระคริสตธรรมคัมภีร์ในแต่ละหน้า  พวกเขามองไม่เห็นความรักของพระเจ้าที่มีอยู่ในพระราชกิจของพระองค์  แต่หากท่านเป็นตัวแทนที่สัตย์ซื่อของพระเยซูแล้ว  ท่านอาจชักนำพวกเขาให้มาเข้าใจคุณความดีบางประการของพระเจ้าโดยผ่านตัวท่าน  และนำพวกเขาเข้ามาสู่ความรักและการร่วมรับใช้พระองค์  {SC 115.1}
                คริสเตียนเป็นผู้ถือประทีปบนเส้นทางที่มุ่งไปยังสวรรค์  เขาจะต้องสะท้อนความสว่างที่ได้รับจากพระคริสต์ไปให้แก่คนในโลก  ชีวิตและอุปนิสัยของเขาจะต้องทำให้ผู้อื่นเข้าใจพระคริสต์และพระราชกิจแห่งการรับใช้ของพระองค์ได้อย่างถูกต้อง  {SC 115.2}
                หาก เราเป็นตัวแทนของพระคริสต์  เราจะทำให้งานแห่งการรับใช้พระองค์น่าสนใจ  ตามความเป็นจริงคริสเตียนทีเก็บรวบรวมความหดหู่และความโศกเศร้าไว้ในจิต วิญญาณของตนเองและโอดครวญและบ่น  กำลังแสดงตัวอย่างไม่ถูกต้องของพระเจ้าและของชีวิตคริสเตียนให้แก่ผู้อื่น  พวกเขาจะทำให้คนอื่นคิดว่าพระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยที่จะให้บุตรของพระองค์มี ความสุขและด้วยการทำเช่นนี้  เขาเป็นพยานเท็จให้กับพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตอยู่ในสวรรค์  {SC 116.1}
                ซาตาน ยินดีปรีดาเมื่อมันนำบุตรของพระเจ้าไปสู่ความไม่เชื่อและความหดหู่ใจ  มันชื่นชอบที่เห็นเราขาดความไว้วางใจในพระเจ้า  สงสัยน้ำพระทัยของพระองค์และอำนาจของพระองค์ที่จะช่วยเราให้รอด  มันพอใจเมื่อมันทำให้เรารู้สึกว่า  การทรงนำของพระเจ้าจะนำภัยมาให้เรา  เป็นงานของซาตานที่ต้องการทำให้เรามองเห็นว่าพระเจ้าขาดความเห็นใจและไม่ สงสารผู้ใด  มันอ้างความจริงในเรื่องของพระองค์ไปในทางที่ผิด  มันเสริมแต่งจินตนาภาพเรื่องของพระเจ้าด้วยแนวคิดที่ผิด  และแทนที่เราจะใส่ใจในความจริงเรื่องของพระบิดาบนสวรรค์  สมองขอบงเราไปยึดติดอยู่กับภาพผิดๆ ที่ซาตานได้เอามาให้และหลู่พระเกียรติของพระเจ้าด้วยการไม่วางใจในพระองค์ และบ่นติเตียนพระองค์  ซาตานคอยหาทางอยู่เสมอที่จะทำให้ชีวิตฝ่ายศาสนาเป็นเรื่องที่เศร้าหมอง  มันต้องการทำให้ชีวิตฝ่ายศาสนาเป็นภาระและเต็มไปด้วยความยากลำบาก  และเมื่อคริสเตียนนำเสนอชีวิตฝ่ายศาสนาของเขาเองด้วยภาพเช่นนี้ด้วยความไม่ เชื่อของเขาจึงไปสนับสนุนการหลอกลวงของซาตาน  {SC 116.2}
                คน มากมายที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งชีวิตได้หมกมุ่นอยู่กับความผิดและความ ล้มเหลวและความผิดหวังของตนเอง  และจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์และความท้อแท้ใจ  ในขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ในทวีปยุโรป  มีน้องหญิงคนหนึ่งที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้  และเธอตกอยู่ในความทุกข์  เธอเขียนจดหมายมาหาข้าพเจ้าและขอคำหนุนใจ  ในคืนนั้นหลังจากที่ข้าพเจ้าได้อ่านจดหมายของเธอ  ข้าพเจ้าฝันว่า  ข้าพเจ้ากำลังเดินอยู่ในสวนแห่งหนึ่ง  และมีผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นเจ้าของสวนกำลังเดินนำข้าพเจ้าไปตามทางเดิน ของสวน  ข้าพเจ้ากำลังเก็บดอกไม้และเพลิดเพลินอยู่กับกลิ่นหอมของมัน  เมื่อน้องหญิงผู้นี้ซึ่งเดินอยู่เคียงข้างข้าพเจ้าได้ดึงข้าพเจ้าให้หันมา สนใจมองดูหนามบางส่วนที่ขวางอยู่บนทางเดินของเธอ  เธอคร่ำครวญและเศร้าสลดอยู่ตรงนั้น  เธอไม่ได้เดินไปตามทางเดินที่คนนำทางพาไป  แต่กลับเดินเข้าไปสู่กลางขวากและพงหนาม  เธอร้องครวญครางด้วยความท้อใจว่า  น่าเสียดายจริงๆ ที่หนามแหลมพวกนี้ทำลายสวนที่สวยงามแห่งนี้  แล้วคนนำชมสวนตอบว่า  อย่าไปสนใจคมหนามเหล่านั้น  มันเพียงแค่ทำให้คุณเจ็บปวดเท่านั้นเอง  ให้เราเก็บดอกกุหลาบ  ดอกลิลลี่และดอกมะลิกันเถิด  {SC 116.3}
                ประสบการณ์ ชีวิตของท่านไม่มีช่วงสดใสบ้างหรือ  ท่านไม่เคยมีช่วงเวลาอันทรงคุณค่าเมื่อหัวใจของท่านเต้นอย่างมีความสุขเพื่อ ตอบสนองพระวิญญาณของพระเจ้าหรือ  เมื่อท่านมองย้อนกลับไปยังบทต่างๆ ในหน้าหนังสือของประสบการณ์ชีวิตของท่านที่ผ่านๆ มา  ไม่มีหนังสือบันทึกหน้าใดในประสบการณ์ของท่านที่สร้างความสุขให้ท่านบ้าง หรือ  พระสัญญาของพระเจ้าไม่ได้เป็นเหมือนดอกไม้ซึ่งขึ้นอยู่ตามทางเดินของท่านที่ ส่งกลิ่นหอมบ้างหรือ  ท่านจะไม่ให้ความงดงามและความหวานชื่นของดอกไม้เติมจิตใจของท่านให้เต็มด้วย ความสุขบ้างหรือ  {SC  117.1}
                ขวาก หนามเพียงแต่ทำให้ท่านบาดเจ็บและโศกเศร้าใจ  และหากท่านจะเก็บรบรวมแต่สิ่งเหล่านี้  และนำไปเสนอให้แก่ผู้อื่น  ท่านไม่เพียงกำลังดูแคลนพระคุณความดีของพระเจ้าด้วยตัวท่านเองเท่านั้น  แต่ท่านกำลังขัดขวางคนรอบข้างให้ออกไปจากการเดินในทางแห่งชีวิตด้วยหรือไม่  {SC 117.2}
                เป็นการไม่ฉลาดที่จะเก็บรวบรวมความทรงจำที่ไม่ราบรื่นทั้งหมดของชีวิตที่ผ่านมาเอาไว้  รวมทั้งความเลวร้ายและความผิดหวัง  เพื่อพูดและโอดครวญถึงเหตุการณ์เหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก  จนกระทั่งตัวเราเองถูกครอบงำด้วยความท้อแท้  จิตวิญญาณที่ท้อถอยนี้จะเต็มไปด้วยความมืดมน  ความรู้สึกเช่นนี้จะปิดกั้นจิตวิญญาณของเขาเองจากแสงสว่างของพระเจ้า  และยังทอดเงามืดลงบนเส้นทางเดินของผู้อื่นอีกด้วย  {SC 117.3}
                จง ขอบคุณพระเจ้าสำหรับภาพเหตุการณ์อันสดใสซึ่งพระองค์ทรงประทานให้แก่เรา  จงนำคำสัญญาอันประเสริฐที่มีอยู่ในความรักของพระองค์มารวมเข้าด้วยกัน  เพื่อเราจะมองดูภาพเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน  ภาพเหตุการณ์ที่พระบุตรพระเจ้าทรงสละพระบัลลังก์ของพระบิดา  ภาพที่พระองค์ทรงนำความเป็นมนุษย์มาสวมทับความเป็นพระเจ้าเพื่อช่วยมนุษย์ ให้รอดพ้นจากอำนาจของซาตาน  ภาพชัยชนะของพระองค์ที่ทรงทำไว้เพื่อเห็นแก่เรา  ภาพที่พระองค์ได้ทรงเปิดประตูสวรรค์ออกให้แก่มนุษย์  และเปิดเผยให้สายตามนุษย์ได้มองเห็นสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงเปิดเผยพระสิริของ พระองค์  ภาพมนุษย์ซึ่งล้มลงในบาปได้ถูกนำขึ้นมาจากหลุมแห่งความพินาศที่บาปได้ผลัก เขาให้ตกลงไป  และนำเขากลับมาสื่อสัมพันธ์กับพระเจ้าพระผู้ไม่มีขอบเขตจำกัด  และได้อดทนต่อการทดสอบของพระเจ้าผ่านทางความเชื่อในพระผู้ไถ่ของเรา  เราได้สวมเสื้อความชอบธรรมของพระคริสต์  และถูกยกชูขึ้นไปถึงพระบัลลังก์ของพระองค์  เหล่านี้เป็นภาพที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้จิตใจของเราใคร่ครวญอยู่เสมอ  {SC 118.1}
                เมื่อ ดูเสมือนหนึ่งว่าเราจะสงสัยในความรักของพระเจ้าและไม่วางใจในพระสัญญาของ พระองค์  เราได้หลู่เกียรติพระองค์และทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียพระทัย  คุณแม่จะรู้สึกอย่างไรกับลูกๆ ที่คอยบ่นต่อว่าเธออยู่เสมอๆ ราวกับว่าเธอไม่เคยหวังดีต่อพวกเขาเลย  ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว  ทุกสิ่งที่เธอทำตลอดชีวิตของเธอนั้น  ก็ทำเพื่อประโยชน์ของพวกเขาและเพื่อให้เขาสุขสบาย  สมมติว่าพวกเขารู้สึกสงสัยในความรักของเธอ  สิ่งนี้จะทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย  ผู้ที่เป็นพ่อแม่จะรู้สึกอย่างไร  หากลูกๆ ของเขาทำกับเขาเช่นนี้  และพระบิดาของเราบนสวรรค์จะทรงมีท่าทีต่อเราอย่างไรเมื่อเราไม่ไว้วางใจใน ความรักของพระองค์  ซึ่งเป็นความรักที่ทำให้พระองค์ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อที่ เราจะได้มีชีวิต  อัครทูตบันทึกไว้ว่า  พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา  ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย  ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ  (โรม 8:32)  ถึงกระนั้นก็ตาม  มีคนมากมายเพียงไรที่การกระทำของเขาแสดงออกมาให้เห็นเป็นคำพูดว่า  นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการให้ฉัน  บางทีพระองค์อาจจะทรงรักคนอื่น  แต่พระองค์ไม่ได้รักฉัน  {SC 118.2}
                สิ่ง เหล่านี้กำลังทำร้ายจิตวิญญาณของท่าน  เพราะคำสงสัยทุกคำที่ท่านกล่าวออกมานั้น  เท่ากับเป็นการเชิญชวนการทดลองของซาตาน  สิ่งนี้ทำให้นิสัยช่างสงสัยในตัวของท่านแกร่งกล้าขึ้น  และทำให้ทูตสวรรค์ที่คอยดูแลท่านเศร้าใจ  เมื่อซาตานล่อลวงท่าน  จงอย่าระบายคำพูดที่สงสัยหรือขุ่นมัวออกมาแม้เพียงสักคำเดียว  หากท่านเลือกที่จะเปิดประตูให้แก่คำเสนอแนะของมัน  สมองของท่านก็จะเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่วางใจและการดื้อเพ่ง  หากท่านกล่าวความรู้สึกของท่านออกมา  คำพูดที่ชวนให้สงสัยทุกคำที่ท่านกล่าวออกมาจะไม่เพียงมีผลกับตัวของท่านเอง เท่านั้น  แต่จะเป็นเมล็ดที่แตกหน่อและเกิดผลในชีวิตของผู้อื่นอีกด้วย  และคงจะไม่มีทางหักล้างอิทธิพลที่มาจากคำพูดของท่านได้  ท่านเองอาจฟื้นคืนจากช่วงเวลาแห่งการทดลองและหลุดพ้นจากกับดักของซาตาน  แต่ผู้อื่นที่ซวนเซเนื่องจากอิทธิพลของท่าน  อาจไม่สามารถหลุดรอดจากความไม่เชื่อที่ท่านกล่าวไว้  การพูดถึงแต่สิ่งที่ให้กำลังและชีวิตแก่จิตวิญญาณ  จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งเพียงไร  {SC 119.1}
                ทูต สวรรค์กำลังคอยฟังว่าท่านกำลังเป็นพยานถึงพระอาจารย์ในสวรรค์ของท่านให้แก่ โลกอย่างไร  จงให้การสนทนาของท่านเป็นเรื่องของพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่  เพื่อทรงเป็นผู้แก้ต่างต่อเบื้องพระบิดาให้แก่ท่าน  เมื่อท่านจูงมือของมิตรสหาย  จงให้คำสรรเสริญพระเจ้าติดอยู่บนริมฝีปากของท่านและในจิตใจของท่าน  นี่คือวิธีที่ท่านจะดึงดูดความคิดของเขาเข้าไปหาพระเยซู  {SC 119.2}
                ทุก คนต่างมีความทุกข์ยาก  มีความโศกเศร้าที่แทบจะแบกรับไม่ไหว  มีการทดลองที่ยากจะต่อต้านได้  อย่านำปัญหาของท่านไปบอกแก่เพื่อนมนุษย์ผู้ที่ต้องตาย  แต่จงนำทุกสิ่งมายังพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน  จงตั้งเป็นกฎไว้ว่าท่านจะไม่พูดคำพูดที่ชวนให้สงสัยหรือคำพูดที่ทำให้เกิด ความท้อแท้ใจแม้เพียงสักคำเดียว  ท่านสามารถทำให้ชีวิตของผู้อื่นสดใสขึ้นได้มาก  และทำให้ความพยายามของเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยคำพูดที่ให้ความหวังและกำลังใจ ที่บริสุทธิ์  {SC 119.3}
                มีจิตวิญญาณกล้าหาญมากมายที่ถูกบีบคั้นด้วยการทดลองและพร้อมที่จะยอมแพ้ต่อการต่อสู้กับตัวเองและอำนาจของความชั่ว  จงอย่าทำให้ผู้ที่ดิ้นรนอย่างหนักเช่นนี้ท้อใจ  จงให้กำลังใจแก่เขาด้วยคำพูดที่แกร่งกล้าและให้ความหวัง  เพื่อหนุนให้เขาเดินในทางชีวิตของเขาต่อไป  ด้วยการทำเช่นนี้จะทำให้แสงสว่างของพระคริสต์ส่องออกมาจากตัวท่าน  ไม่มีผู้ใดมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองฝ่ายเดียว  (โรม 14:7)  อิทธิพลที่ท่านทำไปโดยไม่รู้ตัวนี้  อาจจะทำให้ผู้อื่นมีกำลังใจและเข้มแข็งยิ่งขึ้น  หรือทำให้เขาเกิดความท้อถอยและถูกผลักไสออกห่างจากพระคริสต์และความจริง  {SC 120.1}
                คนมากมายมีแนวคิดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับชีวิตและพระลักษณะของพระคริสต์  พวกเขาคิดว่าชีวิตของพระองค์ไม่อบอุ่นและไม่สดใส  พระองค์มีแต่ความแข็งกร้าว  เข้มงวด  และไม่มีความสุข  คนมากมายมีประสบการณ์ทางศาสนาโดยรวมที่ถูกระบายด้วยภาพที่เศร้าหมองเช่นนี้  {SC 120.2}
                คน มักอ้างเสมอว่าพระเยซูทรงกันแสง  แต่เป็นที่ทราบกันว่าพระองค์ไม่เคยยิ้ม  จริงอยู่  พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเป็นบุรุษแห่งความเศร้าและทรงคุ้นเคยกับความระทม ทุกข์  เพราะพระองค์ทรงเปิดพระทัยให้กับความทุกข์ยากทั้งหมดของมนุษย์  ถึงแม้ชีวิตของพระองค์จะเป็นชีวิตที่มีแต่การปฏิเสธตนเองและครอบคลุมด้วย เงาแห่งความเจ็บปวดและความห่วงใย  แต่วิญญาณจิตของพระองค์ไม่เคยชอกช้ำ  พระพักตร์ของพระองค์ไม่เคยแสดงออกถึงความเศร้าโศกและความไม่พอใจ  จะมีแต่ความสงบเยือกเย็น  จิตใจของพระองค์เป็นน้ำพุแห่งชีวิต  และทุกหนแห่งที่พระองค์ทรงดำเนินไป  พระองค์ทรงนำการพักผ่อนและสันติสุข  ความสุขและความชื่นชมยินดีไปด้วย  {SC 120.3}
                พระ ผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเป็นผู้ที่เคร่งขรึมมากและมีความตั้งใจอันแรงกล้า  แต่พระองค์ไม่เคยมีจิตใจที่ห่อเหี่ยวหรือมีอารมณ์ที่ขุ่นมัว  ชีวิตของผู้ที่ทำตามแบบอย่างของพระองค์จะต้องเต็มไปด้วยเป้าหมายที่ตั้งใจ จริง  ความรู้สึกส่วนตัวของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความรับผิดชอบอย่างแท้จริง  ความไม่เอาจริงเอาจังจะต้องถูกควบคุม  จะไม่มีการรื่นเริงที่อึกทึก  ไม่มีการล้อเล่นที่ไม่สุภาพ  แต่ศาสนาของพระเยซูจะมอบความสงบสุขดั่งสายธาร  เป็นศาสนาที่จะไม่ดับแสงสว่างของความสุข  ไม่หยุดยั้งความชื่นบาน  หรือบดบังความแจ่มใสบนใบหน้าที่ยิ้มแย้ม  พระคริสต์เสด็จมาไม่ใช่ให้ผู้อื่นมาคอยรับใช้  แต่ทรงมาเพื่อรับใช้ผู้อื่น  และเมื่อความรักของพระองค์มีอำนาจครอบครองอยู่ในจิตใจแล้ว  เราก็จะทำตามแบบอย่างของพระองค์  {SC 120.4}
                หาก เรารวบรวมความไม่ดีและไม่เป็นธรรมที่ผู้อื่นทำไว้และเก็บไว้ในจุดสุดยอดแห่ง ความคิดของเราแล้ว  จะพบว่าเราจะรักเขาเหมือนเช่นที่พระคริสต์ทรงรักเราไม่ได้  แต่หากความคิดของเราจะมีแต่ความรักและพระเมตตาอันอัศจรรย์ที่พระคริสต์ทรงมี ต่อเราแล้ว  วิญญาณเดียวกันนี้จะไหลออกไปยังผู้อื่น  เราจะรักและเคารพซึ่งกันและกัน  และอดทนต่อความผิดและความไม่สมบูรณ์แบบที่เรามองเห็นอย่างไม่ตั้งใจได้  เราจะต้องปลูกฝังเรื่องความถ่อมตนและความไม่วางใจในตัวเราเอง  รวมทั้งความอดทนที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนต่อความผิดของผู้อื่น  การทำเช่นนี้จะกำจัดใจคับแคบที่เห็นแก่ตัว  และทำให้เราเป็นคนใจกว้างและมีจิตใจที่เผื่อแผ่  {SC 121.1}
                ผู้ประพันธ์สดุดีตรัสว่า  จงวางใจในพระเจ้า  และกระทำความดี  ท่านจึงอาศัยอยู่ในแผ่นดินและชื่นบานอยู่กับความปลอดภัย  (สดุดี 37:3จงวางใจในพระเจ้า  แต่ละวันมีภาระหนักของวันนั้น  มีเรื่องที่เราต้องเอาใจใส่และเรื่องที่นำความกังวลมาให้สำหรับวันนั้นๆ และเมื่อเรามาพบหน้ากัน  เราก็มีความพร้อมเพียงไรที่จะพูดคุยถึงเรื่องของความทุกข์ยากและความลำบาก ของเรา  เราปล่อยปัญหาจำนวนมากที่เราหยิบยืมมาให้บุกรุกตัวเรา  เราปล่อยตัวให้กับความกลัวมากมาย  และเราก็แสดงภาระแห่งความกังวลที่หนักหน่วงออกมาให้เห็น  จนอาจจะทำให้บางคนคิดว่า  เราคงไม่มีพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงรักและเมตตา  ผู้ทรงพร้อมที่จะคอยฟังคำทูลขอของเราทุกเรื่องและทรงสถิตอยู่กับเราเพื่อ ช่วยเหลือเราในยามที่เราต้องการ  {SC 121.2}
                มี บางคนตกอยู่ในสภาวะของความกลัวอยู่ตลอดเวลาและชอบตามหาปัญหา  ในทุกวันพวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยของประทานแห่งความรักของพระเจ้า  ในแต่ละวันเขามีความสุขกับการทรงนำของพระองค์ที่มีอยู่อย่างมากมาย  แต่พวกเขากลับมองข้ามพระพรที่อยู่รอบตัวเขา  ความนึกคิดของเขาหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เขาไม่ชอบ  ที่กลัวว่าจะมาถึงตัวเขาหรือเขาอาจหมกมุ่นอยู่กับความทุกข์ยากเล็กน้อย บางอย่างซึ่งอาจจะมีอยู่จริง  แต่เขาปล่อยให้ความทุกข์ยากเหล่านั้นปิดตาของเขาจนมองไม่เห็นสิ่งของมากมาย ที่เขาควรสำนึกในพระคุณ  แทนที่เขาจะผลักความทุกข์ยากที่เขาประสบอยู่นั้นไปให้พระเจ้า  ผู้ทรงเป็นแหล่งเดียวของความช่วยเหลือ  เขากลับปล่อยให้ความทุกข์ยากนั้นแยกตัวเขาเองออกไปจากพระองค์เพราะเขาปลุก ความว้าวุ่นและการโอดครวญขึ้นมา  {SC 121.3}
                เรา จะทำตัวเป็นคนไม่เชื่อเช่นนี้หรือ  ทำไมเราจึงต้องเป็นคนอกตัญญูและขาดความวางใจ  พระเยซูทรงเป็นมิตรของเรา  ชาวสวรรค์ทั้งหมดใส่ใจในความทุกข์สุขของเรา  เราจะต้องไม่ปล่อยให้ความทุกข์ใจและความกังวลของชีวิตประจำวันทำให้สมองของ เราหงุดหงิดและทำให้ความคิดของเรามืดมน  หากเป็นเช่นนี้  เราจะมีแต่เรื่องที่ทำให้เราหงุดหงิดและรำคาญใจอยู่เสมอ  เราจะต้องไม่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ทำให้เรากลัดกลุ่มและบั่นทอนเรา  ซึ่งไม่ช่วยให้เราอดทนต่อการทดลองต่างๆ ได้  {SC 122.1}
                ท่าน อาจจะปวดหัวกับธุรกิจของท่าน  สิ่งที่ท่านคาดหวังไว้อาจจะมืดมนลงไปเรื่อยๆ และท่านอาจจะถูกคุกคามด้วยความรู้สึกของการสูญเสียแต่จงอย่าหมดกำลังใจ  จงมอบความกังวลของท่านไว้กับพระเจ้า  และรักษาความสงบและความชื่นบานไว้  อธิษฐานทูลขอสติปัญญาเพื่อจัดการกับธุรกิจของท่านอย่างสุขุม  และการทำเช่นนี้จะป้องกันความสูญเสียและหายนะได้  จงทำทุกอย่างเท่าที่ท่านสามารถทำได้ในส่วนของท่านเพื่อให้เกิดผลดีที่สุด  พระเยซูทรงสัญญาที่จะประทานความช่วยเหลือ  แต่ไม่ใช่โดยปราศจากความพยายามของท่าน เมื่อท่านทำทุกสิ่งเท่าที่ท่านจะทำได้  พร้อมทั้งพึ่งในพระผู้ช่วยของเราแล้ว  ขอให้ยอมรับผลลัพธ์ด้วยความชื่นบาน  {SC 122.2}
                พระ เจ้าไม่ประสงค์จะให้ประชากรของพระองค์ถูกทับถมด้วยความห่วงใย  แต่พระองค์ผู้เป็นเจ้าของเราไม่เคยหลอกลวงเรา  พระองค์ไม่เคยตรัสกับเราว่า  อย่ากลัวเลย  ไม่มีภัยอันตรายตามทางเดินของท่าน  พระองค์ทรงทราบดีว่า  ตามทางที่เราเดินไปนั้นเต็มไปด้วยการทดลองและภัยอันตราย  และพระองค์ทรงปฏิบัติต่อเราอย่างตรงไปตรงมา  พระองค์ไม่ได้ทรงเสนอที่จะนำประชากรของพระองค์ออกไปจากโลกแห่งความบาปและความชั่ว  แต่พระองค์ทรงชี้ไปยังที่หลบภัยที่เชื่อถือได้  พระองค์ทรงอธิษฐานเพื่อเหล่าสาวกของพระองค์ว่า  ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก  แต่ขอปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย  พระองค์ตรัสว่า  โลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก  แต่จงชื่นใจเถิด  เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว  (ยอห์น 17:15, 16:33)  {SC 122.3}
                ในคำเทศนาบนภูเขาของพระคริสต์  พระองค์ทรงสอนบทเรียนอันมีค่าของความจำเป็นที่จะต้องวางใจในพระเจ้าให้แก่สาวกทั้งหลายของพระองค์  บทเรียนเหล่านี้มีไว้เพื่อให้กำลังใจแก่บุตรทั้งหลายของพระเจ้าตลอดทุกยุคสมัย  และบทเรียนซึ่งเต็มไปด้วยคำชี้แนะและคำเล้าโลมใจมากมายเหล่านี้ได้ตกทอดลงมายังยุคของเรา  พระผู้ช่วยให้รอดทรงชี้ให้บรรดาผู้ติดตามของพระองค์มองดูนกในอากาศที่กำลังส่งเสียงร้องสรรเสริญ  มันไม่ต้องกังวลเรื่องราวใดๆ เพราะ มันมิได้หว่าน  มิได้เกี่ยว  และถึงกระนั้น  พระบิดายิ่งใหญ่ทรงประทานสิ่งที่จำเป็นแก่มัน  พระผู้ช่วยให้รอดตรัสถามว่า  ท่านทั้งหลายมีประเสริฐกว่านกหรือ  (มัทธิว 6:26)  พระผู้ทรงเป็นผู้ดูแลที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายได้ทรงกางพระ หัตถ์ของพระองค์ออกและจัดเตรียมทุกสิ่งให้แก่สรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง  นกในอากาศไม่ได้อยู่นอกสายพระเนตรของพระองค์  พระองค์ไม่ได้ทรงใส่อาหารเข้าไปในจงอยปากของมัน  แต่พระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งที่มันต้องการ  พวกมันจะต้องรวบรวมรวงข้าวที่พระองค์ทรงกระจายไว้  มันจะต้องเตรียมวัสดุต่างๆ เพื่อสร้างรังน้อยๆ ของมัน  มันจะต้องเลี้ยงลูกนกน้อยของมัน  มันส่งเสียงร้องเพลงในขณะที่มันทำงานเพราะ  พระบิดาของท่านทั้งหลาย  ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้  และ  ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ  (มัทธิว 6:26)  ท่านทั้งหลายที่นมัสการพระเจ้าด้วยปัญญาและจิตวิญญาณจะมีค่าน้อยกว่านกใน อากาศเหล่านี้หรือ  พระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตของเรา  พระผู้ทรงรักษาชีวิตของเรา  พระองค์ผู้ทรงสร้างเราในพระฉายาของพระองค์จะไม่ทรงจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ที่เราต้องการ  หากเพียงแต่เราจะวางใจในพระองค์หรือ  {SC 123.1}
                พระ คริสต์ทรงชี้ให้สาวกทั้งหลายของพระองค์มองดูดอกไม้ในทุ่งนาที่เบ่งบานอยู่ มากมายและส่องรัศมีด้วยความงดงามอันเรียบง่าย  ซึ่งพระบิดาในสวรรค์ทรงเป็นผู้ประทานให้  เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อมนุษย์  พระองค์ตรัสว่า  จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนาว่ามันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร  ความงามและความเรียบง่ายของดอกไม้ในธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่กว่าสง่าราศีของ กษัตริย์ชาโลมอน  อาภรณ์หรูหราที่สุดที่ตัดเย็บขึ้นมาอย่างประณีตไม่อาจเปรียบเทียบได้กับความ อ่อนหวานและความงดงามอันอิ่มเอิบของดอกไม้ที่พระเจ้าทรงสร้างไว้  พระเยซูตรัสถามว่า  แม้ว่าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้นซึ่งเป็นอยู่วันนี้และวันรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ  โอ  ผู้มีความเชื่อน้อย  พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ  (มัทธิว 6:28, 30)  หากพระเจ้าผู้ทรงเป็นจิตรกรเอกประทานให้ดอกไม้ที่เรียบง่ายสุดซึ่งจะเหี่ยว แห้งไปในวันเดียวให้มีความละเอียดอ่อนและหลากสีแล้ว  พระองค์จะไม่ทรงใส่ใจดูแลผู้ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นตามแบบพระฉายาของพระองค์ ให้มากกว่านี้หรือ  บทเรียนของพระคริสต์เหล่านี้  ได้ตำหนิจิตใจที่ปราศจากความเชื่อซึ่งมีแต่ความคิดที่กังวล  ว้าวุ่นและสงสัย  {SC 123.2}
                องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ให้บุตรชายและบุตรหญิงทั้งหลายของพระองค์มีความสุข  มีสันติสุขและเชื่อฟัง  พระเยซูตรัสว่า  เรา มอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย  สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น  เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้อย่าให้ใจของท่านวิตก  และอย่ากลัวเลย  นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว  เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน  และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม  (ยอห์น 14:27, 15:11)  {SC 124.1}
                ความ สุขสำราญที่อยู่นอกเส้นทางของหน้าที่ในชีวิตซึ่งหามาได้ด้วยเป้าหมายที่เห็น แก่ตัวนั้นจะเป็นความสุขที่ไม่สมดุล  ชั่วคราวและไม่คงทนถาวร  ความสุขนั้นจะหมดไป  และจิตวิญญาณจะมีแต่ความโดดเดี่ยวและความโศกเศร้าแต่งานรับใช้พระเจ้าจะให้ ความปิติยินดีและความพึงพอใจ  คริสเตียนจะไม่ถูกทอดทิ้งให้เดินอยู่บนเส้นทางที่ไม่แน่นอน  เขาจะไม่ตกอยู่ในความเสียใจและความผิดหวังที่ไร้สาระ  หากเส้นทางชีวิตของเราในปัจจุบันนี้ไม่อาจให้ความสุขสำราญแก่เราแล้ว  เรายังคงมีความสุขได้โดยการมองไปยังชีวิตในภายภาคหน้า  {SC 124.2}
                แม้ ในเวลานี้คริสเตียนยังมีความสุขกับการสื่อสัมพันธ์ร่วมกับพระคริสต์ได้  พวกเขายังจะได้รับแสงสว่างในความรักของพระองค์  การปลอบประโลมซึ่งจะมีอยู่ตลอดไปจากการทรงร่วมสถิตอยู่ด้วยของพระองค์  ทุกย่างก้าวของชีวิตจะนำเราให้เข้าใกล้ชิดพระเยซูมากยิ่งขึ้น  จะนำเราให้มีประสบการณ์ในความรักของพระองค์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น  และจะนำเราให้เข้าใกล้บ้านสันติสุขอันประเสริฐได้อีกก้าวหนึ่ง  ดังนั้น  จงอย่าละทิ้งความเชื่อมั่นของเรา  แต่ให้มีความหวังใจที่มั่นคง  ซึ่งมั่นคงยิ่งกว่าที่เคยมีมา  พระเจ้าทรงช่วยพวกเราจนบัดนี้  และพระองค์ก็จะช่วยเราจนถึงที่สุด  (1 ซามูเอล 7:12)  ให้เรามองไปยังอนุสรณ์  สำคัญที่เตือนความทรงจำของเราว่าพระเจ้าทรงกระทำการใดเพื่อปลอบประโลมใจเรา และทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากมือของผู้ทำลาย  ให้เราเก็บความทรงจำถึงพระเมตตาคุณอันอ่อนโยนที่พระเจ้าทรงมีต่อเราให้ใหม่ อยู่เสมอ  น้ำตาที่พระองค์ทรงเช็ดให้  ความเจ็บปวดที่พระองค์ทรงบรรเทาให้ความกังวลที่ทรงขจัดทิ้ง  ความกลัวที่ทรงขับออกไป  ความขัดสนที่ได้ทรงเติมให้เต็ม  พระพรที่ทรงประทานด้วยการทำเช่นนี้  จะเป็นการเพิ่มพละกำลังให้แก่ตัวของเราเองเพื่อเผชิญหน้ากับทุกสิ่งตลอดเส้น ทางการเดินทางของเราที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้  {SC 125.1}
                เราไม่อาจทำอย่างอื่นได้นอกจากมองไปยังความงงงวยใหม่ที่มีในความขัดแย้งที่กำลังจะมาถึง  แต่เรามองย้อนหลังพร้อมกับมองไปยังเบื้องหน้าได้และพูดว่า  พระเจ้าทรงช่วยพวกเราจนบัดนี้  วันคืนของท่านเป็นอย่างไร  ขอให้กำลังของท่านเป็นอย่างนั้น  (1 ซามูเอล 7:12, เฉลยธรรมบัญญัติ 33:25 TKJV)  การทดลองจะไม่หนักเกินกำลังที่เราจะรับได้  ซึ่งเป็นกำลังที่จะช่วยให้เราทนต่อการทดลองนั้นได้  เมื่อเป็นเช่นนั้น  ไม่ว่าเราจะต้องเผชิญหน้ากับงานในสถานที่ใดก็ตาม  ขอให้เราลงมือทำงานนั้น  โดยเชื่อว่า  ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม  พระเจ้าจะประทานกำลังอย่างพอเพียงให้แก่เรา  เพื่อเราจะทนต่อการทดลองที่เราต้องเผชิญ  {SC 125.2}
                และ ในไม่ช้าประตูสวรรค์จะเปิดออกรับเหล่าบุตรทั้งหลายของพระเจ้าและพวกเขาจะได้ ยินคำอวยพรซึ่งเป็นเสมือนดนตรีที่ไพเราะที่สุดดังมาจากพระโอษฐ์ของพระราชา พระผู้ทรงเต็มด้วยพระสิริว่า  ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา  จงมารับเอาราชอาณาจักร  ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก  (มัทธิว 25:34)  {SC 125.3}
                แล้ว บรรดาผู้ที่ได้รับการช่วยให้รอดจะได้รับการต้อนรับกลับบ้านที่พระเยซูทรงจัด เตรียมไว้ให้พวกเขา  ในสถานที่นั้นจะไม่มีคนถ่อยของแผ่นดินโลก  คนพูดมุสา  คนกราบไหว้รูปเคารพ  คนไม่บริสุทธิ์และคนไม่เชื่อมาเป็นพวกพ้อง  แต่พวกเขาจะมีเพื่อนเป็นผู้ที่ได้ชัยชนะเหนือซาตานและได้สร้างอุปนิสัยที่ สมบูรณ์แบบโดยพระคุณของพระเจ้า  พระโลหิตของพระคริสต์ได้ขจัดความโน้มเอียงที่จะทำบาปทั้งหลาย  ความไม่บริบูรณ์ทั้งหมดที่ทำให้พวกเขาทุกข์ในอยู่ในเวลานี้จะออกไป  และพวกเขาจะได้รับคุณความดีและความสดใสแห่งพระสิริของพระเจ้าซึ่งเจิดจ้า ยิ่งกว่าแสงของดวงอาทิตย์  ความงดงามทางฝ่ายศีลธรรม และอุปนิสัยอันสมบูรณ์แบบของพระคริสต์จะส่องผ่านพวกเขาด้วยคุณค่าที่มากเกิน กว่าความงามที่มองเห็นได้จากภายนอก  พวกเขาจะปราศจากความผิดในขณะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระบัลลังก์สีขาวที่ยิ่ง ใหญ่ของพระเจ้า  เพื่อจะได้ร่วมรับเกียรติยศและสิทธิพิเศษที่เป็นของทูตสวรรค์ทั้งหลาย  {SC 126.1}
                เมื่อคำนึงถึงมรดกอันรุ่งโรจน์ที่จะเป็นของเขานั้น  เขาจะ  นำอะไรไปและเอาชีวิตของตนกลับคืนมา  เล่า  (มัทธิว 16:26)  เขาอาจจะเป็นคนยากจนแต่เขาจะได้เป็นเจ้าของสมบัติและเกียรติยศที่โลกนี้ไม่ สามารถมอบให้เขาได้  เมื่อจิตวิญญาณได้รับการไถ่ให้รอดและได้รับการชำระจากบาปได้มอบถวายพละกำลัง ทั้งหมดของเขาในการรับใช้พระเจ้าแล้ว  เขาก็จะมีคุณค่ามากเกินมหาศาล  และจะมีความสุขในแผ่นดินสวรรค์ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าและเหล่าทูตสวรรค์ บริสุทธิ์เมื่อมีจิตวิญญาณดวงหนึ่งได้รับความรอด  เป็นความสุขที่แสดงออกมาเป็นบทเพลงแห่งชัยชนะที่บริสุทธิ์  {SC 126.2}

Visit us for more information http://www.greatesthope.com

For more information, please contact 
Alejandro at mienfield@yahoo.com
or contact
Thailand Adventist Mission 
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
 
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
 
Information:  
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
 

VISIT ALSO


http://www.adventist.or.th/

http://thaivop.com/

No comments: