เคล็ดลับที่ 9
ชีวิตและการรับใช้
พระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตและความสว่างและความสุขของจักรวาล
เช่นเดียวกับแสงสว่างที่มาจากดวงอาทิตย์และเช่นเดียวกับสายธารน้ำที่พุ่งออก
มาจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิต
พระพรของพระเจ้าจะไหลออกจากพระองค์ไปยังสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง
เมื่อจิตใจของมนุษย์คนใดมีชีวิตของพระเจ้าร่วมสถิตอยู่ด้วย
ความรักและพระพรของพระองค์จะไหลผ่านคนนั้นไปยังผู้อื่นด้วย {SC 77.1}
การ
ไถ่มนุษย์ที่ล้มลงในบาปให้รอดและฉุดเขาขึ้นมาเป็นสิ่งที่นำความสุขมายังพระ
ผู้ช่วยให้รอดของเรา เพื่อทำการนี้ให้สำเร็จ
พระองค์ไม่ได้ทะนุถนอมชีวิตของพระองค์เองไว้
แต่ทรงยอมทนต่อกางเขนโดยไม่ใส่ใจต่อความละอาย
ทูตสวรรค์ก็มีส่วนที่ทำให้ผู้อื่นมีความสุขอยู่เสมอเช่นเดียวกัน
นี่คือความชื่นชมยินดีของพวกเขา สำหรับผู้ที่มีจิตใจที่เห็นแก่ตัวนั้น
พวกเขาจะถือว่าการปรนนิบัติผู้ยากไร้ที่มีสภาพและฐานะที่ด้อยกว่าในทุกๆ
ด้านเป็นงานที่ตกต่ำแต่การปรนนิบัติเช่นนี้เป็นงานที่ทูตสวรรค์ผู้ไม่มี
บาปกระทำอยู่
วิญญาณแห่งการรับใช้อย่างไม่เห็นแก่ตัวของพระคริสต์จะแทรกซึมไปทั่วทั้ง
สวรรค์ เป็นหัวใจของความสุขที่แท้จริงของที่นั่น
ผู้ติดตามพระคริสต์จะต้องมีวิญญาณเช่นนี้เป็นภารกิจที่พวกเขาจะต้องทำ {SC 77.2}
เมื่อมีความรักของพระคริสต์ตั้งอยู่ในจิตใจของเรา
ความรักนั้นจะเป็นเหมือนกลิ่นอันหอมหวานซึ่งเราจะเก็บซ่อนไว้ไม่ได้
ทุกคนที่เข้ามาสัมผัสกับเราจะรู้สึกได้ถึงอิทธิพลอันศักดิ์สิทธิ์นี้
พระวิญญาณของพระคริสต์ที่ทรงร่วมสถิตอยู่ในจิตใจจะเป็นเหมือนบ่อน้ำพุกลางทะเลทราย
ซึ่งมีน้ำไหลรินออกมาสร้างความชุ่มชื่นและดับกระหายให้ผู้ที่กำลังใกล้จะพินาศที่ปรารถนาจะดื่มน้ำแห่งชีวิต {SC 77.3}
ความ
รักที่เรามีให้กับพระคริสต์จะแสดงออกให้เห็นเป็นความปรารถนาที่จะทำงานรับ
ใช้เหมือนพระองค์เพื่อเป็นพระพรและยกชูมนุษยชาติให้สูงขึ้น
การรับใช้นี้จะทำให้เกิดความรัก ความอ่อนโยน
และความเห็นใจต่อสรรพสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมาซึ่งอยู่ภายใต้การดูแล
ของพระบิดาของเราในสวรรค์ {SC 77.4}
ชีวิต
ของพระผู้ช่วยให้รอดในโลกนี้ไม่ใช่ชีวิตที่สะดวกสบายและไม่ใช่ชีวิตที่อุทิศ
เวลาเพื่อพระองค์เอง แต่พระองค์ทรงทำงานด้วยความหนักแน่นจริงใจ
และด้วยความเพียรที่ไม่เคยย่อท้อเพื่อนำความรอดมาให้แก่มนุษยชาติที่หลงหาย
จากรางหญ้าไปจนถึงการเขนคาล์วารี
พระองค์ทรงดำเนินไปตามทางที่ไม่มีการตามใจตนเองและไม่เคยหาทางหลีกหนีจาก
ภารกิจที่ยากลำบากจากการเดินทางอันแสนเจ็บปวด
และไม่เคยหลีกหนีจากการใส่ใจและงานที่ทำให้หมดสิ้นเรี่ยวแรง
พระองค์ตรัสว่า “บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อให้เขาปรนนิบัติแต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก” (มัทธิว 20:28)
นี่คือเป้าหมายเดียวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของพระองค์
ทุกสิ่งนอกเหนือจากนั้นเป็นเรื่องรองและไม่มีความสำคัญเท่า
อาหารและเครื่องดื่มของพระองค์คือ
การทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและทำพระราชกิจของพระองค์ให้สำเร็จ
การทำเพื่อตัวเองและหาผลประโยชน์ให้กับตนเองไม่มีส่วนในพระราชกิจของพระองค์
{SC 78.1}
ดัง
นั้น
ผู้ที่มีส่วนในพระคุณของพระเจ้าจะมีความพร้อมที่จะเสียสละบางอย่างเพื่อคน
อื่นที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์
เพื่อพวกเขาจะได้มีส่วนร่วมในของประทานจากสวรรค์
พวกเขาจะทำทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้เพื่อทำให้โลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นดีขึ้น
ความตั้งใจเช่นนี้เป็นผลที่เกิดขึ้นในจิตวิญญาณที่ได้กลับใจอย่างแท้จริง
ในทันทีที่มีคนหนึ่งได้เข้ามาหาพระคริสต์
ความปรารถนาที่จะบอกให้ผู้อื่นทราบถึงพระสหายล้ำค่าที่เขาพบในองค์พระเยซูก็
จะเกิดขึ้นในจิตใจของเขา
เขาจะเก็บความจริงที่ช่วยให้รอดและชำระให้พ้นจากบาปไว้ในใจของเขาอย่างเงียบ
ไม่ได้
หากเราสวมใส่ความชอบธรรมของพระคริสต์ไว้และเต็มล้นด้วยความสุขจากการมีพระ
วิญญาณของพระคริสต์ทรงร่วมสถิตอยู่ด้วย
เราจะเก็บสันติสุขไว้อยู่กับตัวไม่ได้
หากเราเคยลิ้มรสและรู้ว่าพระเจ้าประเสริฐ เราจะมีเรื่องเล่าให้ผู้อื่นฟัง
เช่นเดียวกับฟิลิปเมื่อพบพระผู้ช่วยให้รอดเราจะเชิญชวนผู้อื่นให้เข้ามายัง
เบื้องพระพักตร์พระองค์
เราจะคอยบอกให้ทุกคนได้ทราบถึงความน่าประทับใจของพระคริสต์และสภาพที่แท้
จริงของโลกที่กำลังจะมาถึงซึ่งตามองไม่เห็น
จะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะติดตามทางที่พระคริสต์ได้ดำเนินไปแล้ว
จะมีความต้องการให้คนรอบข้างของเราได้หันไป “ดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29) {SC 78.2}
เมื่อเราทำให้ตัวของเราเป็นพระพรแก่ผู้อื่น พระพรนั้นก็จะย้อนกลับมาหาเรา
นี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้เรามีส่วนร่วมในแผนการแห่งการไถ่ให้รอด
พระเจ้าทรงเปิดโอกาสให้มนุษย์มีส่วนในธรรมชาติของพระองค์และเพื่อให้มนุษย์กระจายพระพรไปให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
นี่เป็นเกียรติสูงสุดและเป็นความสุขยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าจะทรงประทานให้แก่มนุษย์ได้ ผู้ที่เข้ามาร่วมทำงานแห่งรักนี้
จะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดพระผู้สร้างของเขาได้มากที่สุด {SC 79.1}
พระ
เจ้าอาจมอบหมายให้ทูตสวรรค์เป็นผู้ประกาศข่าวสารแห่งพระกิตติคุณและเป็นผู้
รับภาระการรับใช้ด้วยรักทั้งหมด พระองค์อาจใช้วิธีอื่นๆ
เพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ
แต่ด้วยความรักที่ไม่มีขอบเขตจำกัดของพระองค์
พระเจ้าทรงเลือกเราให้เป็นผู้ร่วมงานกับพระองค์
กับพระคริสต์และกับทูตสวรรค์ เพื่อเราจะมีส่วนร่วมในพระพร ในความสุข
และยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้น
ซึ่งเป็นผลที่ได้จากงานของการรับใช้ที่ไม่เห็นแก่ตัว {SC 79.2}
โดยการร่วมทุกข์กับพระคริสต์ เราจะเข้าใจความทุกข์ยากของพระองค์
การยอมสละตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นจะทำให้วิญญาณแห่งการรู้จักแบ่งปันที่มีอยู่ในจิตใจของผู้ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น “พระองค์มั่งคั่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย
เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมีเนื่องจากความยากจนองพระองค์” (2 โครินธ์
8:9)
และนี่คือวิธีที่พระเจ้าจะใช้เพื่อให้เราทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในการสร้างเราขึ้นมาสำเร็จ
เพื่อจะได้มีชีวิตที่เป็นพระพรสำหรับเราเอง {SC 79.3}
หาก
ท่านจะออกไปทำงานรับใช้ตามที่พระคริสต์ทรงวางแผนให้สาวกของพระองค์ทำและนำ
จิตวิญญาณกลับมาหาพระองค์แล้ว
ท่านก็จะรู้สึกถึงความต้องการที่จะมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้นและความ
ต้องการที่จะมีความรอบรู้เรื่องของพระเจ้ามากขึ้นกว่าเดิม
และท่านก็จะรู้สึกหิวและกระหายความชอบธรรม
ท่านจะอ้อนวอนกับพระเจ้าและความเชื่อของท่านจะเข้มแข็งขึ้นและจิตวิญญาณของ
ท่านจะดื่มน้ำที่ได้จากบ่อแห่งความรอดที่ลึกกว่าเดิม
เมื่อท่านต้องการเผชิญหน้ากับการต่อต้านและการทดลอง
ท่านจะถูกผลักให้ไปศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐาน
ท่านจะเจริญขึ้นในพระคุณและความรอบรู้ในพระคริสต์และจะได้รับประสบการณ์ที่
มีค่า {SC 80.1}
วิญญาณ
แห่งการรับใช้ผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวจะสร้างอุปนิสัยให้ลึกล้ำมั่นคง
และน่ารักอย่างพระคริสต์
และนำสันติสุขและความผาสุกมาให้แก่ผู้ที่มีอุปนิสัยเช่นนี้
ความใฝ่ฝันนี้จะถูกปรับให้ยิ่งสูงขึ้นไป
จะไม่มีช่องว่างสำหรับความเกียจคร้านหรือความเห็นแก่ตัว
ผู้ที่ดำรงชีวิตด้วยคุณความดีของคริสเตียนจะเจริญเติบใหญ่ขึ้นและจะเป็นคน
เข้มแข็งที่จะทำงานรับใช้พระเจ้าได้
พวกเขาจะมีสายตาทางฝ่ายวิญญาณที่ชัดเจน
ความเชื่อที่เติบใหญ่ขึ้นอย่างมั่นคงและการอธิษฐานของเขาจะมีอำนาจเพิ่ม
ขึ้น
พระวิญญาณของพระเจ้าที่เคลื่อนไหวในเขาจะชักนำวิญญาณจิตของเขาให้สนองตอบต่อ
การสัมผัสของพระเจ้า
ทำให้ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอันศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นได้
ผู้ที่อุทิศตนอย่างไม่เห็นแก่ตัว
เพื่อสร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นกำลังจัดการกับการสร้างความรอดของเขาเองอย่าง
แน่นอน {SC 80.2}
วิธี
เดียวที่จะเจริญขึ้นในพระคุณคือ
การทำงานทุกอย่างที่พระคริสต์ทรงมอบหมายให้เราทำอย่างไม่คิดถึงประโยชน์ส่วน
ตน
ลงมือทำงานอย่างสุดความสามารถของเราเพื่อให้ความช่วยเหลือและเป็นพระพรให้
แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือซึ่งเราช่วยเขาได้
กำลังฝ่ายกายจะได้มาด้วยการออกกำลังกาย
กิจกรรมแห่งการรับใช้เป็นส่วนสำคัญของชีวิต
ผู้ที่พยายามรักษาชีวิตคริสเตียนด้วยการคอยแต่จะรับพระพรที่ได้มาโดยพระคุณ
และไม่ทำอะไรเพื่อพระคริสต์เลย
ก็เปรียบเหมือนคนที่มีชีวิตที่คอยแต่จะกินโดยไม่ทำงาน
และผลจากการทำเช่นนี้ของชีวิตฝ่ายวิญญาณก็มีความคล้ายคลึงกับชีวิตในโลกธรรม
ชาติ
นั่นคือ
มักจะนำไปสู่ความเสื่อมโทรมและหมดสภาพ
ผู้ที่ไม่ยอมใช้แขนขา ในไม่ช้าก็จะสูญเสียความสามารถไปจนหมด ดังนั้น
คริสเตียนที่ไม่ยอมนำพละกำลังที่พระเจ้าทรงประทานให้ออกมาใช้
เขาไม่เพียงแต่จะไม่เติบใหญ่ขึ้นในพระคริสต์เท่านั้น
แต่จะสูญเสียพละกำลังที่เขามีอยู่แล้วไปด้วย {SC 80.3}
คริ
สตจักรของพระคริสต์เป็นตัวแทนที่พระเจ้าทรงจัดตั้งไว้เพื่อความรอดของ
มนุษย์
พันธกิจของคือการประกาศพระกิตติคุณออกไปทั่วโลก
หน้าที่นี้ถูกจัดไว้ให้คริสเตียนทุกคน
ทุกคนต้องทำหน้าที่ตามพระบัญชาของพระผู้ช่วยให้รอดตามแต่ขนาดความสามารถและ
โอกาสที่เขามี
ความรักของพระคริสต์ที่ทรงเปิดไว้ให้แก่เรา
ทำให้เราเป็นหนี้คนทั้งหลายที่ยังไม่รู้จักพระองค์
พระเจ้าทรงประทานแสงสว่างให้แก่เรา ไม่ใช่มีไว้สำหรับตัวเราเองเท่านั้น
แต่เพื่อให้เราส่องแสงสว่างนั้นไปให้แก่ผู้อื่น {SC
81.1}
หาก
ผู้ติดตามของพระคริสต์จะตื่นตัวในหน้าที่ของเขาแล้ว จะมีคนนับเป็นพันๆ
ออกไปประกาศพระกิตติคุณในดินแดนที่ยังไม่มีผู้เชื่อพระเจ้าแทนที่จะมีคน
ประกาศอยู่เพียงคนเดียวอย่างเช่นทุกวันนี้
และทุกคนที่ไม่สามารถลงมือทำงานเหล่านี้ด้วยตัวเองได้
ก็จะสนับสนุนงานเหล่านั้นด้วยทรัพย์ของเขา ความเห็นใจและคำอธิษฐานของเขา
และในประเทศที่มีคริสเตียนจะมีการทำงานเพื่อจิตวิญญาณด้วยความจริงใจมากยิ่ง
ขึ้น {SC 81.2}
เราไม่จำเป็นต้องไปยังดินแดนที่ห่างไกลหรือแม้แต่ออกไปจากสังคมวงแคบของบ้าน
หากมีหน้าที่ที่เราต้องทำเพื่อพระคริสต์ที่นั่น เราทำงานเช่นนี้ได้ในแวดวงของบ้าน ในคริสตจักร
กับผู้ที่เราคบหาสมาคมด้วย
และกับผู้ที่เราทำธุรกิจด้วย {SC
81.3}
เมื่อ
พระผู้ช่วยให้รอดของเรามีชีวิตอยู่ในโลก
พระองค์ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานอย่างอดทนภายในร้านช่างไม้ที่เมืองนาซาเร็ธ
ทูตสวรรค์ผู้รับใช้คอยเฝ้าติดตามพระเจ้าแห่งชีวิตในขณะที่ทรงดำเนินอยู่
เคียงข้างคนยากจนและผู้ที่ใช้แรงงาน
พระองค์ไม่ได้รับการยอมรับและไม่ได้รับพระเกียรติ
พระองค์ทรงทำหน้าที่ของพระองค์อย่างสัตย์ซื่อทั้งในขณะที่ทรงประกอบธุรกิจ
อันต่ำต้อยพอๆ
กับในขณะที่ทรงรักษาผู้ป่วยหรือดำเนินอยู่ท่ามกลางคลื่นลมอันปั่นป่วนของ
ทะเลกาลิสี ดังนั้น
เราก็จะดำเนินและทำงานร่วมกับพระเยซูได้ในหน้าที่และตำแหน่งที่ต่ำต้อยที่
สุดของชีวิต {SC 81.4}
อัครทูตกล่าวว่า ให้ “ทุกคนดำรงอยู่ในฐานะอันใดเมื่อพระเจ้าทรงเรียกก็ให้ผู้นั้นอยู่กับพระเจ้าในฐานะนั้น” (1 โครินธ์
7:24)
นักธุรกิจจะประกอบธุรกิจของเขาด้วยความซื่อตรงเพื่อถวายเกียรติแด่พระอาจารย์ของเขาหากเขาเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของพระคริสต์
เขาก็จะนำศาสนาของเขาเข้าไปในทุกที่และแสดงให้มนุษย์เห็นวิญญาณของพระคริสต์
นายช่างที่ขยันขันแข็งและสัตย์ซื่อก็จะเป็นตัวแทนของพระองค์ผู้ทรงทำงานท่ามกลางผู้ที่ต่ำต้อย ณ
กลางหุบเขาแห่งกาลิสี
ทุกคนที่นำพระนามของพระคริสต์มาใช้
จะทำตามหน้าที่ของเขา
จนเมื่อผู้อื่นมองเห็นการงานที่ดีของเขาแล้วจะสรรเสริญพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ของเขา {SC 82.1}
มี
คนจำนวนมากแก้ตัวกับการไม่ยอมนำของประทานที่เขามีอยู่มาถวายรับใช้พระคริสต์
ด้วยให้เหตุผลว่า
มีผู้อื่นที่มีของประทานที่ดีกว่าและมีความสามารถที่เหนือกว่า
มักมีความคิดเห็นที่แพร่หลายว่า
ผู้ที่มีความสามารถพิเศษเท่านั้นที่ต้องนำความสามารถของเขามามอบถวายรับใช้
พระเจ้า
คนมากมายเข้าใจว่าความสามารถพิเศษนั้นทรงโปรดประทานให้แก่กลุ่มคนที่ได้รับ
ความโปรดปรานเป็นพิเศษเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ
จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ามาแบ่งรับภาระหรือการตอบแทน
แต่ในคำอุปมามิได้สอนไว้เช่นนี้
เมื่อเจ้าของบ้านเรียกบ่าวของท่านเข้ามาพบ ท่านได้มอบหมายงานให้ทุกคนทำ {SC 82.2}
ด้วยจิตวิญญาณแห่งรัก
เราจะทำหน้าที่ที่ต่ำต้อยที่สุดในชีวิตเพื่อ “ทำถวายพระองค์พระผู้เป็นเจ้า” (โคโลสี 3:23)
หากความรักของพระเจ้าอยู่ในจิตใจแล้ว
ชีวิตนั้นก็จะแสดงความรักนั้นออกมา
กลิ่นอันหอมหวานของพระคริสต์จะอยู่รอบตัวเรา และอิทธิพลของเราจะเด่นขึ้นมาและทำให้ผู้อื่นได้รับพระพร {SC 82.3}
ท่าน
ไม่ต้องคอยโอกาสที่ยิ่งใหญ่หรือหวังให้มีความสามารถพิเศษก่อนแล้วจึงค่อยออก
ไปทำงานรับใช้พระเจ้า ท่านต้องไม่คิดว่า โลกจะคิดอย่างไรกับท่าน
หากชีวิตประจำวันของท่านเป็นพยานถึงความเชื่อของท่านที่บริสุทธิ์และสัตย์
จริง และคนอื่นๆ
ก็มั่นใจว่าท่านต้องการให้พวกเขาได้รับประโยชน์
ความพยายามของท่านก็จะไม่สูญเปล่า {SC
83.1}
สาวก
ที่ต่ำต้อยและเลวที่สุดของพระเยซูยังทำตัวให้เป็นพระพรแก่ผู้อื่นได้
พวกเขาอาจจะไม่เคยตระหนักว่าได้ทำอะไรที่ดีเป็นพิเศษ
แต่จากอิทธิพลที่เขาทำไปโดยไม่รู้ตัวนั้น
ทำให้เกิดคลื่นแห่งพระพรที่จะขยายออกเป็นวงกว้างและฝังลึกยิ่งขึ้น
และพวกเขาก็ไม่เคยรับรู้ถึงผลลัพธ์ที่เป็นพระพรนั้นเลยจนกว่าจะถึงวันนั้น
วันที่การกระทำของเขาจะได้รับผลตอบแทน
พวกเขาไม่ได้รู้สึกหรือไม่ได้คิดว่า สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร
พวกเขาไม่เคยกังวลใจถึงเรื่องความสำเร็จ
เขาเพียงแต่ต้องมุ่งไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ
ทำงานที่พระเจ้าทรงกำหนดให้อย่างซื่อสัตย์
และชีวิตของเขาก็จะไม่สูญเปล่า
จิตวิญญาณของเขาจะเติบใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนคล้ายคลึงกับของพระคริสต์
ขณะที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ พวกเขาเป็นคนทำงานร่วมกับพระเจ้า
และด้วยเหตุนี้ ในชีวิตที่จะมาถึงนั้น
พวกเขาจึงเหมาะที่จะทำงานที่สูงส่งกว่าและได้รับความสุขที่ไม่มีเงามืดมา
บดบัง {SC 83.2}
Visit us for more information http://www.greatesthope.com
For more information, please contact
Alejandro at mienfield@yahoo.com
or contact
Thailand Adventist Mission
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
Information:
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
E-mail: sdatam@adventist.or.th
No comments:
Post a Comment