เคล็ดลับที่ 6
ความเชื่อและการยอมรับ
เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ปลุกสามัญสำนึกของท่านให้ตื่นขึ้น
ท่านจึงเริ่มมองเห็นความเลวร้ายของบาป มองเห็นอำนาจของมัน
ความผิดของมันความทุกข์ยากของมัน และท่านจะมองความบาปด้วยความรังเกียจ
ท่านรู้สึกว่า
บาปได้แยกตัวท่านออกไปจากพระเจ้า
ท่านถูกจองจำด้วยอำนาจของความชั่ว
เมื่อท่านดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นมากขึ้นเท่าใด ท่านก็จะยิ่งพบว่า
ท่านช่วยตัวเองไม่ได้ เป้าหมายของท่านไม่บริสุทธิ์ จิตใจของท่านไม่สะอาด
ท่านมองเห็นว่าชีวิตของท่านเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและความบาป
ท่านปรารถนาที่จะได้รับการอภัย ได้รับการชำระ
ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระท่านจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้ปรองดองกับพระ
เจ้าและมีลักษณะเหมือนพระองค์ {SC 49.1}
สันติ
สุขเป็นสิ่งที่ท่านต้องการ
คือการอภัยและความสงบสุขและความรักจากสวรรค์เบื้องบนที่อยู่ภายในวิญญาณจิต
ของท่าน เงินทองจัดซื้อเอาไว้ไม่ได้ ปัญญาจัดหามาให้ไม่ได้
ความรอบรู้นำไปให้ถึงไม่ได้
ท่านหวังที่จะได้สันติสุขนี้มาครอบครองด้วยความพยายามของท่านเองไม่ได้
แต่พระเจ้าทรงยื่นมาเป็นของประทานให้แก่ท่าน “โดยไม่ต้องเสียเงินเสียค่า” (อิสยาห์ 55:1) สันติสุขนี้จะเป็นของท่าน เพียงแต่ท่านจะยื่นมือของท่านและรับเอาไว้ พระเจ้าตรัสว่า “ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดง ก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ” (อิสยาห์ 1:18) “เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้าและเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า” (เอเสเคียล 36:26) {SC
49.2}
ท่าน
สารภาพบาปของท่านแล้ว ละทิ้งไปด้วยความเต็มใจ
ท่านตัดสินใจที่จะมอบถวายตัวของท่านเองให้พระเจ้า
ขอให้ท่านไปหาพระองค์เดี๋ยวนี้และทูลขอพระองค์ให้ชำระบาปของท่านและประทาน
จิตใจใหม่ให้แก่ท่าน แล้วเชื่อว่าพระองค์ทรงประทานให้แก่ท่าน
เพราะว่าพระองค์ทรงสัญญาไว้แล้ว
นี่คือบทเรียนที่พระเยซูทรงสอนในขณะที่ทรงดำเนินอยู่ในโลกนี้ว่า
ของประทานที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้แก่เรานั้น
เราจะต้องเชื่อว่าเราได้รับแล้ว และของประทานนั้นจะเป็นของเรา
พระเยซูทรงรักษาประชาชนให้หายจากโรคต่างๆ
เมื่อพวกเขาวางใจในอำนาจของพระองค์
พระองค์ทรงประทานการช่วยเหลือในสิ่งที่ตามองเห็น
ซึ่งเป็นสิ่งที่หนุนใจให้เขาวางใจพระองค์
ในสิ่งที่ตามองไม่เห็นนั่นคือ
นำพวกเขาให้เชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่จะทรงอภัยบาปผิดได้
ในเรื่องนี้
พระองค์ทรงกล่าวไว้อย่างชัดเจนเมื่อพระองค์ทรงรักษาชายง่อย “แต่
เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่า
บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้
พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านเถิด” (มัทธิว 9:6)
ยอห์นผู้ประกาศก็ได้กล่าวถึงการอัศจรรย์ของพระคริสต์ไว้เช่นกันว่า “แต่
การที่ได้บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า
พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้ว
ท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์” (ยอห์น 20:31) {SC 49.3}
จาก
เหตุการณ์เรียบง่ายที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ซึ่งกล่าวถึงวิธีที่พระเยซู
รักษาคนเจ็บป่วย
เราเรียนรู้บางเรื่องว่าเราจะต้องเชื่อพระองค์อย่างไรเพื่อจะได้รับการอภัย
จากบาป
ให้เราไปดูเรื่องของชายง่อยที่ข้างสระน้ำเบธซาธา
ผู้ป่วยน่าสงสารคนนี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เขาไม่ได้ใช้ขามานานถึงสามสิบแปดปีแล้ว แต่ถึงกระนั้น
พระเยซูทรงบัญชาว่า “จงลุกขึ้นยกแคร่ของเจ้าเดินไปเถิด” คนป่วยผู้นี้อาจจะตอบพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า หากท่านจะรักษาให้ข้าพเจ้าหายดีแล้ว ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังพระคำของพระองค์”
แต่เขาไม่ได้พูดเช่นนี้ เขาเชื่อพระดำรัสของพระคริสต์
เขาเชื่อว่าพระองค์ทรงรักษาเขาให้หายได้และเขาก็ทำตามทันที
เขาอยากเดินและเขาก็เดินได้
เขาทำตามพระดำรัสของพระคริสต์และพระเจ้าทรงประทานกำลังให้เขา
เขาก็หายเป็นปกติ {SC 50.1}
ใน
ทำนองเดียวกัน ท่านเป็นคนบาป
ท่านลบความบาปที่ท่านทำมาแล้วในอดีตไม่ได้
ท่านเปลี่ยนแปลงจิตใจของท่านและทำให้ตัวของท่านบริสุทธิ์ไม่ได้
แต่พระเจ้าทรงสัญญาที่จะทำสิ่งทั้งหมดนี้ให้ท่านโดยผ่านทางพระคริสต์
ท่านเชื่อพระสัญญานั้น
ท่านสารภาพความบาปของท่านและถวายตัวของท่านเองให้พระเจ้า
ท่านตั้งใจที่จะรับใช้พระองค์
ทันทีที่ท่านทำเช่นนี้พระเจ้าจะทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ให้แก่
ท่าน ถ้าท่านเชื่อพระสัญญาของพระเจ้า
คือเชื่อว่าท่านได้รับการอภัยและการชำระแล้ว
พระเจ้าจะทรงประทานความจริงให้ท่าน ท่านจะได้รับการรักษาให้หาย
เหมือนที่พระคริสต์ทรงประทานกำลังให้คนง่อยเดินได้
เมื่อเขาเชื่อว่าเขาหายจากโรคแล้ว หากท่านเชื่อท่านก็จะหายได้เช่นกัน {SC 51.1}
อย่ารีรอจนท่านรู้สึกตัวว่า ท่านหายดีแล้ว
แต่จงพูดว่า “ข้าพเจ้าเชื่อแล้วก็จะเป็นเช่นนั้น
ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้ารู้สึก
แต่เพราะพระเจ้าทรงสัญญาไว้แล้ว” {SC 51.2}
พระเยซูตรัสว่า “เมื่อท่านอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับและท่านจะได้รับสิ่งนั้น” (มาระโก 11:24) มีเงื่อนไขผูกติดอยู่กับพระสัญญานี้ คือ
เราจะต้องอธิษฐานให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
แต่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะทรงชำระเราจากความบาป
เพื่อให้เราเป็นบุตรของพระองค์และช่วยให้เราดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม ดังนั้น
เราจึงทูลขอพระพรเหล่นี้ได้และเชื่อว่าเราได้รับและขอบพระคุณพระเจ้าที่เราได้รับแล้ว
เป็นสิทธิพิเศษที่เราเข้ามาหาพระเยซูและรับการชำระให้สะอาดได้
และเราจะยืนอยู่หน้าพระบัญญัติเหล่านี้โดยปราศจากความละอายหรือความเสียใจ “เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” (โรม 8:1) {SC 51.3}
ต่อแต่นี้ไป ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง ท่านถูกซื้อด้วยราคาสูง “พระองค์ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลาย.....มิใช่ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง
แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตประเสริฐของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่าง” (1 เปโตร 1:18,
19) ด้วยวิธีการเชื่อพระเจ้าที่ง่ายๆ เช่นนี้
พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เริ่มชีวิตใหม่ในจิตใจของท่านแล้ว
ท่านเป็นเหมือนเด็กเกิดใหม่มาอยู่ในครอบครัวของพระเจ้าและพระองค์ทรงรักท่านเหมือนที่พระองค์ทรงรักพระบุตรของพระองค์ {SC 51.4}
บัดนี้ ท่านได้มอบตัวท่านเองให้พระเยซูแล้ว จงอย่าหันหลังกลับ จงอย่านำตัวของท่านออกไปจากพระองค์ แต่ในทุกๆ วัน
ให้ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นของพระคริสต์
ข้าพเจ้าได้มอบถวายตัวข้าพเจ้าให้พระองค์แล้ว”
และทูลขอพระองค์ให้พระทานพระวิญญาณของพระองค์แก่ท่าน และรักษาท่านไว้
โดยพระคุณของพระองค์ เมื่อท่านมอบถวายตัวท่านเองให้พระเจ้า
และเชื่อในพระองค์ อัครทูตเปาโลได้กล่าวว่า “เมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสต์เจ้าแล้วฉันใด จงปฏิบัติพระองค์ด้วยฉันนั้น” (โคโลสี 2:6) {SC 52.1}
บาง
คนอาจจะรู้สึกว่า
เขาจะต้องถูกทดสอบและพิสูจน์ตนให้พระเจ้าเห็นว่าเขาได้ปฏิรูปแล้วเสียก่อน
เขาจึงจะขอรับพระพรของพระองค์ได้ แต่พวกเขาเข้ามารับพระพรในเวลานี้ได้เลย
เขาต้องมีพระคุณของพระเจ้า
พระวิญญาณของพระคริสต์เพื่อช่วยความอ่อนแอในตัวของเรา ความผิดของเรา
ความบาปของเรา
และกราบลงแทบพระบาทของพระองค์ด้วยความเสียใจต่อบาป
พระสิริของพระเจ้าจะโอบล้อมเราในอ้อมแขนแห่งความรักของพระองค์
และจะรักษาบาดแผลของเรา และชำระเราให้พ้นจากความผิดทั้งหมด {SC 52.2}
คน
มากมายล้มลงในเรื่องนี้
พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูทรงอภัยให้เขาเป็นการส่วนตัวและเป็นรายบุคคล
พวกเขาไม่เชื่อตามพระดำรัสของพระเจ้า
เป็นสิทธิพิเศษของทุกคนที่ทำตามเงื่อนไขจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า
การบาปผิดทุกรายจะได้รับการอภัยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
จงทิ้งความสงสัยที่ว่า พระสัญญาของพระเจ้าไม่ได้มีไว้ให้ท่าน
พระสัญญานี้มีไว้ให้ผู้ล่วงละเมิดทุกคนที่กลับใจ
โดยทางพระคริสต์
พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมกำลังและพระคุณเพื่อทูตสวรรค์ผู้รับใช้จะนำไปให้แก่
จิตวิญญาณทุกดวงที่มีความเชื่อ
ไม่มีผู้ใดมีบาปที่หนาเกินไปที่จะเข้ามาหาพละกำลัง
ความบริสุทธิ์และความชอบธรรมที่มีอยู่ในพระเยซูผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อทุกคน
ไม่ได้
พระองค์ทรงรอคอยที่จะถอดเสื้อที่เปรอะเปื้อนและสกปรกด้วยบาปของพวกเขาออก
และสวมเสื้อแห่งความชอบธรรมให้แก่เขา
พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้เขามีชีวิตอยู่และไม่ต้องตาย {SC 52.3}
พระเจ้าไม่ทรงปฏิบัติต่อเราเหมือนเช่นมนุษย์ที่เป็นเนื้อหนังปฏิบัติต่อกัน
ความคิดของพระองค์เป็นความคิดแห่งความเมตตา ความรักและเอ็นดูพระองค์ตรัสว่า “ให้
คนอธรรมละทิ้งทางของเขา และคนไม่ชอบธรรมสละความคิดของเขา
ให้เขากลับยังพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงกรุณาเขา และยังพระเจ้าของเรา
เพราะพระองค์จะทรงอภัยอย่างล้นเหลือ” “เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ
และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก จงกลับมาหาเรา
เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว” (อิสยาห์ 55:7;
44:22) {SC 53.1}
“พระเจ้าตรัสว่า
เราไม่มีความพอใจในความตายของผู้หนึ่งผู้ใดเลย จงหันกลับและดำรงชีวิตอยู่” (เอเสเคียล 18:32)
ซาตานพร้อมที่จะฉกชิงพระสัญญาอันประเสริฐของพระเจ้าไป
มันมุ่งมั่นที่จะเอาแสงแห่งความหวังที่ริบหรี่และลำแสงแห่งความจริงทั้งหมด
ออกไปจากจิตวิญญาณ แต่ท่านจะต้องไม่ปล่อยให้มันทำเช่นนี้
จงอย่าฟังผู้ล่อลวง แต่ให้ท่านพูดว่า “พระเยซู
สิ้นพระชนม์เพื่อให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า
และไม่ทรงประสงค์ให้ข้าพเจ้าพินาศ
ข้าพเจ้ามีพระบิดาบนสวรรค์ที่ทรงเมตตาปราณี
และถึงแม้ข้าพเจ้าได้ใช้ความรักของพระองค์ไปในทางที่ผิด
แม้ข้าพเจ้าได้ใช้พระพรที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ข้าพเจ้าอย่างสุรุ่ย
สุร่าย ข้าพเจ้าจะลุกขึ้นไปหาพระบิดาของเรา และพูดกับท่านว่า “บิดาเจ้าข้า
ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย
ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป
ขอท่านให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกจ้างของท่านคนหนึ่งเถิด” อุปมานี้บอกท่านให้ทราบว่า ผู้ที่หลงหายไปได้รับการต้อนรับอย่างไร “เมื่อเขายังอยู่แต่ไกลบิดาแลเห็นเขาก็มีความเมตตา จึงวิ่งออกไปกอดคอจูบเขา” (ลูกา 15:18-20) {SC 53.2}
ถึงแม้อุปมานี้จะอ่อนหวานและจับใจเพียงไรก็ตาม
แต่ก็ยังบรรยายถึงพระเมตตาคุณของพระเจ้าแห่งสวรรค์ได้ไม่หมด พระเจ้าทรงประกาศผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป” (เยเรมีย์ 31:3)
ในขณะที่คนบาปยังอยู่ไกลบ้านของพระบิดา
เขาผลาญทรัพย์ของตนอยู่ในเมืองไกล
พระหทัยของพระบิดายังห่วงหาถึงเขา
และจิตวิญญาณทุกดวงที่ตื่นขึ้นและอยากจะกลับไปยังพระเจ้าก็เกิดจากการร้องขอ
อย่างแผ่วเบาของพระวิญญาณของพระองค์ที่กำลังเรียกร้อง เชิญชวน
ชักนำผู้ที่หลงหายไปให้กลับมายังพระหทัยที่เปี่ยมด้วยความรักของพระบิดา {SC 54.1}
ด้วย
พระสัญญามากมายในพระคัมภีร์ที่อยู่ต่อหน้าท่าน
ท่านจะเปิดทางให้กับความสงสัยได้อย่างไร
ท่านจะเชื่อได้อย่างไรว่าเมื่อคนบาปผู้น่าสงสารอยากจะหันหลังกลับ
อยากจะละทิ้งความบาปของเขา
พระเจ้าจะทรงเกรี้ยวกราดไม่ยอมให้เขาเมายังแทบพระบาทของพระองค์เพื่อกลับใจ
หรือให้ท่านทิ้งความคิดเช่นนี้ออกไปเสีย
ไม่มีสิ่งใดจะทำความเสียหายให้แก่จิตวิญญาณของท่านได้มากกว่าการที่ท่านจะ
สนุกกับความคิดที่ว่าพระบิดาบนสวรรค์ของเราเป็นเช่นนี้
พระองค์ทรงเกลียดชังบาป
แต่พระองค์ทรงรักคนบาปและพระองค์ทรงประทานพระองค์เองในพระคริสต์
เพื่อให้ทุกคนที่ต้องการได้รับความรอด
และพระพรชั่วนิรันดร์ในแผ่นดินแห่งพระสิริ
พระองค์จะทรงใช้ภาษาใดที่หนักแน่นกว่าและอ่อนโยนกว่านี้เพื่อบรรยายถึงความ
รักของพระองค์ที่มีต่อเราได้ พระองค์ทรงประกาศว่า “ผู้หญิงจะลืมบุตรที่ยังกินนมของนาง และจะไม่เมตตาบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ
แม้ว่าคนเหล่านี้ยังลืมได้กระนั้นเราก็จะไม่ลืมเจ้า” (อิสยาห์ 49:15) {SC
54.2}
จง
แหงนหน้ามองขึ้นไป ท่านทั้งหลายที่สงสัยตัวสั่นสะท้านอยู่
เพราะพระเยซูทรงพระชนม์อยู่เพื่อเป็นผู้แก้ต่างของเรา
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับของประทาน คือ
พระบุตรอันเป็นที่รักของพระองค์
และจงอธิษฐานเพื่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อท่านนั้นจะไม่เป็นการสูญ
เปล่า พระวิญญาณทรงเชิญท่านในวันนี้
ขอให้ท่านเข้ามาหาพระเยซูด้วยหัวใจทั้งหมดของท่าน
และท่านยื่นมือรับพระพรของพระองค์ได้ {SC 54.3}
ในขณะที่ท่านอ่านพระสัญญา
จงจดจำไว้เสมอว่าพระสัญญาเหล่านั้นเป็นการแสดงความรักและพระเมตตาที่ไม่อาจจะเปล่งออกมาเป็นวาจาได้
พระหทัยยิ่งใหญ่ของพระองค์ผู้มีความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุดจะเข้ามาหาคนบาปด้วยความเมตตาอันไร้ขอบเขต “เราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์
คือได้รับการอภัยโทษบาปของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์” (เอเฟซัส 1:17) ถูกแล้ว
เพียงเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยของท่าน
พระองค์ทรงประสงค์ที่จะนำพระฉายาด้านศีลธรรมกลับคืนมาให้มนุษย์
ในขณะที่ท่านเข้ามาใกล้พระองค์ด้วยการสารภาพและการกลับใจ
พระองค์จะทรงเข้ามาใกล้ท่านด้วยความเมตตาและการอภัย {SC 55.1}
Visit us for more information http://www.greatesthope.com
http://www.adventist.or.th/
http://thaivop.com/
For more information, please contact
Alejandro at mienfield@yahoo.com
or contact
Thailand Adventist Mission
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
Information:
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
E-mail: sdatam@adventist.or.th
VISIT ALSO
http://www.adventist.or.th/
http://thaivop.com/
No comments:
Post a Comment