เคล็ดลับที่ 5
การอุทิศถวายตน
พระเจ้าทรงสัญญาไว้แล้วว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า” (เยเรมีย์ 29:13) {SC 43.1}
เรา
ต้องมองถวายจิตใจทั้งหมดให้แก่พระเจ้า
มิฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงที่จะนำเรากลับคืนสู่พระฉายาของพระเจ้าจะเกิดขึ้นไม่
ได้ โดยธรรมชาติแล้ว เราห่างเหินจากพระเจ้า
พระวิญญาณบริสุทธิ์บรรยายสภาพของเราไว้ดังนี้ว่า “ตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป” “ศีรษะก็เจ็บหมดจิตใจก็อ่อนเปลี้ยไปสิ้น” “ไม่มีความปกติในนั้นเลย”
เราถูกกับดักของซาตานผูกมัดไว้อย่างหนาแน่น “ดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน (เอเฟซัส 2:1; อิสยาห์ 1:5,
6;2 ทิโมธี 2:26)
พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะรักษาเราให้หายเพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระ แต่จะทำเช่นนี้ได้นั้น จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติทั้งหมดของเรา
เราจึงต้องยอมมอบถวายตัวของเราทั้งหมดให้พระองค์ {SC 43.2}
สงครามยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการต่อสู้มาคือ การต่อสู้กับตนเอง การยอมถวายตน
มอบถวายทุกสิ่งให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นจำเป็นต้องมีการดิ้นรนต่อสู่
แต่เราจะต้องยอมมอบถวายจิตวิญญาณของเราให้พระเจ้าก่อน
แล้วความบริสุทธิ์ในจิตใจจึงจะถูกสร้างใหม่ได้ {SC 43.3}
การ
ปกครองของพระเจ้าไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักการของการเชื่อฟังอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ซึ่งเป็นการควบคุมอย่างไม่มีเหตุผลตามที่ซาตานต้องการให้ทุกคนเชื่อ
ผู้ที่มีปัญญาและมีจิตสำนึกจะซาบซึ้งกับการปกครองของพระองค์คำเชิญชวนของพระ
ผู้สร้างที่ทรงยื่นให้แก่มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างมานั้นคือ “มาเถิด ให้เราสู้ความกัน” (อิสยาห์ 1:18)
พระเจ้าไม่ได้บังคับความนึกคิดของผู้ที่พระองค์ทรงสร้าง
พระองค์จะไม่ทรงยอมรับความจงรักภักดีที่ไม่ได้มอบถวายด้วยความเต็มใจและด้วย
ความเข้าใจอย่างมีสติ
การบังคับให้เชื่อฟังจะกีดขวางการพัฒนาสติปัญญาและอุปนิสัยที่แท้จริงทั้ง
หมด และทำให้มนุษย์เป็นแต่เพียงเครื่องจักร
สภาพเช่นนี้ไม่ได้เป็นพระประสงค์ของพระผู้สร้าง
พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะให้มนุษย์ซึ่งเป็นจิตรกรรมล้ำเลิศที่สุดของ
อำนาจการทรงสร้างของพระองค์ก้าวไปให้ถึงการพัฒนาสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
พระองค์ทรงจัดวางพระพรอันประเสริฐที่สุดไว้อยู่ต่อหน้าเราเพื่อนำเราให้ไป
ถึงพระคุณของพระองค์
พระองค์ทรงเชิญชวนให้เรามอบถวายตัวเราเองให้พระองค์
เพื่อพระองค์จะทรงกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ในตัวเราที่เหลือจะขึ้นกับเรา
ว่าเราเลือกจะให้หลุดพ้นจากการจองจำของความบาป
เพื่อมีส่วนร่วมกับเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ของพระบุตรของพระเจ้าหรือไม่ {SC 43.4}
เมื่อเรามอบถวายตัวเราเองให้พระเจ้าแล้วนั้นเราจำเป็นต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่จะแยกตัวเราออกไปจากพระองค์ ด้วยเหตุนี้
พระผู้ช่วยให้รอดตรัสไว้ว่า “ทุกคนในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัดที่ตนมีอยู่จะเป็นสาวกของเราไม่ได้ (ลูกา 14:33)
เราต้องสละทุกสิ่งที่จะชักนำจิตใจให้เหินห่างออกจากพระเจ้า
ทรัพย์สมบัติเป็นรูปเคารพของคนมากมาย
การรักเงินทองความปรารถนาที่จะได้สมบัติเป็นโซ่ทองคำที่ผูกมัดเขาเหล่านั้น
เข้ากับซาตาน
ชื่อเสียงและเกียรติยศทางฝ่ายโลกเป็นสิ่งที่คนอีกกลุ่มหนึ่งบูชา
ชีวิตที่สุขสบายอย่างเห็นแก่ตัวและอิสระจากการรับผิดชอบเป็นรูปเคารพของคน
อีกกลุ่มหนึ่ง
โซ่ความเป็นทาสที่ผูกมัดเหล่านี้จะต้องถูกตัดให้ขาด
เราเป็นคนของพระเจ้าเพียงครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งเป็นของโลกไม่ได้
เรามิใช่บุตรของพระเจ้าเว้นเสียแต่ว่าเราจะเป็นของพระองค์อย่างเต็มบริบูรณ์
เท่านั้น {SC 44.1}
มี
คนที่อ้างตนว่ารับใช้พระเจ้า
แต่ในขณะเดียวกันก็พึ่งพาความสามารถของตนเองในการประพฤติตามพระบัญญัติของ
พระเจ้าปั้นแต่งอุปนิสัยให้ถูกต้องและแสวงหาความรอด
ความรักที่มีต่อพระคริสต์ไม่ได้ขับเคลื่อนอยู่ในจิตใจของเขา
แต่เขาพยายามประพฤติตามวิถีทางของคริสเตียนตามที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้เพื่อจะ
ได้ครอบครองสวรรค์ ศาสนาเช่นนี้ไม่มีคุณค่าเลย
เมื่อพระคริสต์เสด็จเข้ามาอยู่ในจิตใจ
จิตวิญญาณก็จะเต็มล้นด้วยความรักของพระองค์
การสื่อสัมพันธ์กับพระองค์จะสร้างความสุขให้แก่เขาอย่างเต็มล้น
เขาจะติดสนิทอยู่กับพระองค์ และเมื่อเขาเพ่งพิจพินิจถึงพระองค์
เขาก็จะลืมมองตนเองไป
ความรักที่มีต่อพระคริสต์จะเป็นแหล่งกำเนิดให้เกิดการกระทำ
ผู้ที่สัมผัสกับความรักของพระเจ้าที่กำลังผลักดันเขาอยู่
จะไม่ถามว่าเขาต้องมอบถวายให้น้อยเพียงไรเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่พระเจ้า
กำหนด พวกเขาจะไม่ถามหามาตรฐานต่ำที่สุด
แต่จะตั้งเป้าหมายที่จะทำตามพระประสงค์ของพระผู้ไถ่ให้สมบูรณ์ที่สุด
ด้วยความปรารถนาที่จริงใจ
พวกเขามอบถวายทุกสิ่งทุกอย่างและแสดงความสนใจเทียบเท่ากับคุณค่าของสิ่งที่
เขาแสวงหา
การยอมรับพระคริสต์โดยขาดความรักที่ลึกซึ้งนี้จะเป็นแต่เพียงการคุยโว
เป็นพิธีกรรมที่แห้งแล้งและเป็นภาระหนักที่น่าเบื่อหน่าย {SC 44.2}
ท่านมีความรู้สึกว่า
การมอบถวายทุกสิ่งให้พระคริสต์เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินไปหรือ จงถามคำถามนี้กับตนเองว่า “พระคริสต์ทรงประทานอะไรให้แก่ข้าพเจ้า”
พระบุตรของพระเจ้าทรงประทานทุกสิ่ง
พระองค์ทรงประทานชีวิต
ความรักและการทนทุกข์ทรมานเพื่อความรอดของเรา
แล้วเราผู้เป็นเป้าหมายอันไม่คู่ควรกับความรักอันยิ่งใหญ่นี้จะยับยั้งหัวใจ
ของเราออกจากพระองค์กระนั้นหรือ ทุกเสี้ยววินาทีในชีวิตของเรา
เราได้รับพระพรแห่งพระคุณของพระองค์ และด้วยเหตุผลนี้
เราไม่สามารถหยั่งรู้ได้อย่างเต็มที่ว่าเราถูกช่วยให้หลุดรอดออกมาจากบ่อลึก
ของความโง่เขลาและความทุกข์ยากได้อย่างไร
เราจะมองไปยังพระองค์ที่เราได้ทิ่มแทงด้วยความบาปของเรา
และยังเต็มใจดูหมิ่นความรักและการเสียสละทั้งปวงของพระองค์ได้หรือ
เมื่อเรามองเห็นการถ่อมตนอันไม่มีขอบเขตจำกัดของพระสิริของพระเจ้าแล้ว
เราจะมัวบ่นพึมพำเพียงเพราะเราต้องผ่านความขัดแย้งและการถ่อมตน
เพื่อจะได้ก้าวเข้ามาสู่ชีวิตเท่านั้นหรือ {SC 45.1}
หัวใจเย่อหยิ่งของมนุษย์จำนวนมากถามว่า “ทำไมข้าพเจ้าจึงต้องสำนึกผิดและถ่อมใจลงก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าพระเจ้าทรงยอมรับข้าพเจ้า” ข้าพเจ้าขอชี้ให้ท่านมองไปยังพระคริสต์
พระองค์ผู้ทรงปราศจากบาปและยิ่งกว่านั้นพระองค์ทรงเป็นเจ้าชายแห่งสวรรค์
แต่เพื่อมนุษย์พระองค์ได้ทรงรับความบาปของมนุษยชาติ พระองค์ “ถูกนับเข้ากับความทรยศ ถึงกระนั้นท่านก็แบกบาปของคนเป็นอันมาก
และทำการอ้อนวอนเพื่อผู้ทรยศ” (อิสยาห์ 53:12) {SC 45.2}
แต่
เมื่อเราสละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเราได้ละทิ้งอะไรไปบ้าง
จิตใจที่เปรอะเปื้อนด้วยความบาปเพื่อให้พระเยซูชำระให้บริสุทธิ์
ให้พระองค์ทรงล้างด้วยพระโลหิตของพระองค์
และประทานความรอดให้ด้วยความรักที่ไม่มีสิ่งใดเปรียบเสมอได้
แต่ถึงกระนั้น
มนุษย์ยังคิดว่า
เป็นเรื่องยากลำบากเหลือเกินที่จะยอมทิ้งทุกสิ่งไป
ข้าพเจ้ารู้สึกละอายใจที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้
รู้สึกอับอายที่จะต้องเขียนคำพูดเช่นนี้ {SC 46.1}
พระ
เจ้าไม่ได้บังคับให้เราละทิ้งสิ่งที่ดีใดๆ
ที่เราต้องเก็บรักษาไว้เพื่อประโยชน์สูงสุดของเรา
ในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้น
พระองค์ทรงมองดูความผาสุกของบุตรทั้งหลายของพระองค์
หากว่าคนทั้งหลายที่ไม่เลือกพระคริสต์จะตระหนักว่าพระองค์ทรงมีสิ่งที่ดี
กว่าที่จะมอบให้แก่เขา
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่เขาสามารถสรรหามาให้แก่ตนเองได้
เมื่อมนุษย์คิดและทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับน้ำพระทัยของพระเจ้า
เขากำลังนำอันตรายและความไม่เป็นธรรมอันยิ่งใหญ่ที่สุดมายังจิตวิญญาณของเขา
เอง เมื่อเขาไปในทิศทางที่พระองค์ทรงตรัสห้ามไว้
เขาจะพบกับความสุขที่แท้จริงไม่ได้ พระองค์ทรงทราบดีว่าเส้นทางใดดีที่สุด
และทรงเป็นผู้วางแผนเพื่อให้เกิดผลดีแก่มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างมานั้น
ส่วนเส้นทางแห่งการล่วงละเมิดเป็นทางแห่งความทุกข์ลำบากและความพินาศ {SC 46.2}
เป็น
เรื่องผิดที่จะคิดว่า
พระเจ้าทรงพอพระทัยที่เห็นบุตรทั้งหลายของพระองค์ตกอยู่ในความทุกข์ยาก
ชาวสวรรค์ทั้งหมดให้ความสนใจกับความสุขของมนุษย์
พระบิดาในสวรรค์ของเราไม่ได้ปิดช่องทางแห่งความสุขของมนุษย์ที่พระองค์ทรง
สร้าง
ข้อบังคับของพระเจ้าทรงเรียกให้เราละทิ้งการหมกมุ่นที่นำมาซึ่งความทุกข์
ทรมานและความผิดหวัง
และนำเราออกไปจากประตูแห่งความสุขและประตูของสวรรค์
พระผู้ไถ่ของโลกทรงยอมรับมนุษย์ในสภาพที่เขาเป็นอยู่
ซึ่งเต็มไปด้วยความร้องการ ความไม่ดีพร้อม และความอ่อนแอ
และพระองค์จะไม่ทรงชำระเขาจากบาปและประทานความรอดโดยทางพระโลหิตของพระองค์
เท่านั้น แต่จะทรงประทานความพึงพอใจให้แก่หัวใจทุกดวงที่แสวงหาพระองค์
ซึ่งยอมรับแอกและแบกรับภาระของพระองค์เป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่จะทรง
ประทานสันติสุขและความสงบสุขให้แก่ทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์เพื่อแสวงหาทิพย์
อาหารแห่งชีวิต
พระองค์ทรงกำหนดให้เราทำแต่หน้าที่ที่จะนำเราให้ก้าวสูงขึ้นสู่ความสงบสุข
ให้แก่ทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์เพื่อแสวงหาทิพย์อาหารแห่งชีวิต
พระองค์ทรงกำหนดให้เราทำแต่หน้าที่ที่จะนำเราให้ก้าวสูงขึ้นสู่ความสุขสำราญ
ซึ่งผู้ที่ไม่เชื่อฟังจะก้าวไปไม่ถึง ชีวิตเที่ยงแท้
ความสุขที่แท้จริงจะต้องมีพระคริสต์ทรงสถิตร่วมอยู่ภายใน
พระองค์ผู้ทรงเป็นความหวังใจแห่งพระสิริ {SC 46.3}
คนมากมายถามว่า “ข้าพเจ้าจะมอบถวายตนเองให้พระเจ้าได้อย่างไร”
ท่านประสงค์ที่จะถวายตนเองให้พระองค์
แต่อำนาจฝ่ายศีลธรรมของท่านนั้นอ่อนแอ
เป็นทาสของความสงสัย
และชีวิตของท่านถูกควบคุมด้วยอุปนิสัยของความบาปผิด
คำมั่นสัญญาและความตั้งใจของท่านเปรียบเหมือนกับเชือกที่ทำด้วยทราย
ท่านควบคุมความคิด แรงผลักดัน
ความรู้สึกของท่านเองไม่ได้
ท่านตระหนักว่า
การผิดคำมั่นสัญญาและการไม่รักษาคำพูดได้บั่นทอนความมั่นใจในความจริงใจของ
ท่าน
และทำให้ท่านรู้สึกว่าพระเจ้าทรงรับท่านไม่ได้ แต่ท่านไม่ต้องท้อใจ
สิ่งที่ท่านต้องเข้าใจคือ กำลังที่แท้จริงของความตั้งใจ
สิ่งนั้นคืออำนาจที่ควบคุมธรรมชาติของมนุษย์
เป็นอำนาจในการตัดสินใจหรือการเลือก
ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
พระเจ้าทรงประทานอำนาจแห่งการเลือกให้แก่มนุษย์ ซึ่งเขาจะต้องนำมาใช้
ท่านเปลี่ยนแปลงจิตใจของท่านไม่ได้
ท่านถวายความรักของท่านให้พระเจ้าด้วยลำพังตัวของท่านเองไม่ได้
แต่ท่านเลือกที่จะรับใช้พระองค์ได้
ท่านถวายความตั้งใจของท่านให้พระองค์ได้
แล้วพระองค์จะทรงกระทำกิจภายในตัวท่านเพื่อให้ความตั้งใจและการกระทำของท่าน
เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้
ธรรมชาติทั้งหมดของท่านจะเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุมของพระวิญญาณของพระ
คริสต์
ความรู้สึกของท่านจะมีศูนย์กลางอยู่ในพระองค์
ความคิดของท่านจะประสานเข้ากับพระประสงค์ของพระองค์ {SC 47.1}
ความ
ปรารถนาคุณความดีและความบริสุทธิ์เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่ในระดับหนึ่ง
แต่หากท่านหยุดแค่นี้ ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับความปรารถนานี้
คนมากมายสูญหายไปในขณะที่เขาหวังและอยากเป็นคริสเตียน
พวกเขาเข้ามาไม่ถึงจุดที่จะยอมมอบถวายความตั้งใจให้พระเจ้า
เขาจึงไม่ได้เลือกที่จะเป็นคริสเตียน {SC 47.2}
เมื่อท่านใช้ความตั้งใจอย่างถูกต้อง
ชีวิตของท่านจะได้รับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
เมื่อท่านถวายความตั้งใจของท่านให้พระคริสต์ ท่านได้นำตัวของท่านเองเข้ามาผูกพันกับอำนาจที่เหนือกว่าเจ้าผู้ครอบครองและอำนาจใดๆ
ทั้งสิ้น
ท่านจะมีกำลังจากเบื้องบนที่คอยพยุงให้ท่านมั่นคง
และด้วยการมอบถวายตัวให้พระเจ้าอย่างต่อเนื่อง ท่านจะดำเนินชีวิตใหม่ได้ ซึ่งเป็นชีวิตแห่งความเชื่อ {SC 48.1}
Visit us for more information http://www.greatesthope.com
http://www.adventist.or.th/
http://thaivop.com/
For more information, please contact
Alejandro at mienfield@yahoo.com
or contact
Thailand Adventist Mission
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
Information:
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
E-mail: sdatam@adventist.or.th
VISIT ALSO
http://www.adventist.or.th/
http://thaivop.com/
No comments:
Post a Comment