Friday, May 18, 2012

เติบใหญ่ขึ้นในพระเยซู




เคล็ดลับที่ 8
เติบใหญ่ขึ้นในพระเยซู

                พระคัมภีร์เรียกการเปลี่ยนแปลงจิตใจที่ทำให้เราได้เป็นบุตรของพระเจ้าว่า  การบังเกิดใหม่  พระคัมภีร์ยังเปรียบเทียบการบังเกิดใหม่นี้กับการแตกหน่อของเมล็ดดีที่ชาวนา หว่านลงไป  ในทำนองเดียวกัน  ผู้ที่กลับใจใหม่ในพระคริสต์เปรียบเหมือน  ทารกแรกเกิด  เพื่อจะจำเริญขึ้น  เป็นชายและหญิงในพระเยซูคริสต์  (1 เปโตร 2:2; เอเฟซัส 4:15)  ดั่งเมล็ดดีที่หว่านลงในทุ่งนาเจริญงอกงามขึ้นและเกิดผล  อิสยาห์กล่าวว่า  คนจะเรียกเขาว่าต้นก่อหลวงแห่งความชอบธรรม  ที่ซึ่งพระเจ้าทรงปลูกไว้เพื่อพระองค์จะทรงสำแดงพระสิริของพระองค์  (อิสยาห์ 61:3)  ดังนั้น  จึงได้มีการนำเรื่องราวชีวิตในธรรมชาติมาใช้เป็นตัวอย่างเพื่อช่วยอธิบายให้เราเข้าใจความจริงที่ลึกลับของชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ  {SC 67.1}
                ปัญญา และความสามารถทั้งหมดของมนุษย์ไม่อาจทำให้เกิดชีวิตเล็กที่สุดในธรรมชาติ ได้  ทั้งพืชหรือสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยชีวิตที่พระเจ้าทรงประทานให้เท่านั้น  เช่นเดียวกัน  ชีวิตฝ่ายวิญญาณจะบังเกิดขึ้นในหัวใจมนุษย์ได้ก็ด้วยชีวิตที่มาจากพระเจ้า  ถ้ามนุษย์ไม่ได้  บังเกิดใหม่จากเบื้องบน  เขาจะมีส่วนในชีวิตซึ่งพระคริสต์เสด็จมาประทานให้ไม่ได้  (ยอห์น 3:3{SC 67.2}
                การเติบใหญ่ขึ้นจะมีลักษณะเหมือนเช่นกับการมีชีวิต  พระเจ้าทรงเป็นผู้กระทำให้ดอกตูมนั้นบานและจากดอกทำให้เกิดเป็นผล  ด้วยอำนาจของพระองค์ที่จะทำให้เมล็ดเกิดขึ้น  เป็นลำต้นก่อน  ภายหลังก็ออกรวง  แล้วก็มีเมล็ดข้าวเต็มรวง  (มาระโก 4:28)  และผู้เผยพระวจนะโฮเชยากล่าวถึงชนชาติอิสราเอลว่า  เขาจะเบิกบานอย่างดอกพลับพลึง  เขาจะเจริญขึ้นเหมือนอุทยาน  จะออกดอกเหมือนเถาองุ่น  (โฮเยา 14:5, 7)  และพระเยซูทรงบัญชาให้เรา  พิจารณาดอกไม้ว่ามันงอกเจริญขึ้นอย่างไร  (ลูกา 12:27)  ต้นพืชและดอกไม้ไม่อาจงอกงามขึ้นด้วยการใส่ใจหรือความร้อนใจหรือความพยายามของมันเอง  แต่จะเจริญเติบใหญ่ขึ้นได้ด้วยสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้เพื่อเลี้ยงดูชีวิตของมัน  เด็กไม่อาจขยายรูปร่างของตนให้ใหญ่ขึ้นได้ด้วยความห่วงใยหรือด้วยพละกำลังของตนเอง  ชีวิตฝ่ายวิญญาณของท่านไม่อาจเติบใหญ่ขึ้นได้จากความทุกข์ร้อนใจ  ความกังวลหรือความพยายามของตัวท่านเอง  ต้นพืช  เด็ก  เติบใหญ่ขึ้นด้วยการรับสิ่งต่างๆ รอบตัวที่รับใช้ชีวิตของเขาทั้งหลาย  ซึ่งได้แก่  อากาศ  แสงแดด  และอาหาร  ธรรมชาติให้ของขวัญเหล่านี้แก่ทั้งพืชและสัตว์  ในทำนองเดียวกันพระเจ้าทรงประทานสิ่งเหล่านี้ให้แก่ทุกคนที่วางใจในพระองค์  พระองค์ทรงเป็น  ความสว่างเป็นนิตย์ของเขา  เป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่  (อิสยาห์ 60:19; สดุดี 84:11)  พระองค์ทรง  เป็นเหมือนน้ำค้างแก่อิสราเอล  เป็นเหมือนฝนที่ตกบนหญ้าที่ตัดแล้ว  (โฮเชยา 14:5; สดุดี 72:6)  พระองค์ทรงเป็นบ่อน้ำพุแห่งชีวิต  เป็น  อาหารของพระเจ้า.....ที่ลงมาจากสวรรค์  และประทานชีวิตให้แก่โลก  (ยอห์น 6:33)  {SC 67.3}
                เมื่อพระเจ้าทรงประทานพระบุตรของพระองค์มาเป็นของขวัญที่ไม่อาจพระเมินค่าได้  พระองค์ได้ทรงโอบล้อมโลกทั้งใบนี้ไว้ด้วยบรรยากาศแห่งพระคุณ  เหมือนกับอากาศที่กระจายอยู่รอบโลก  ทุกคนที่เลือกหายใจด้วยบรรยากาศที่ให้ชีวิตนี้  จะมีชีวิตและเติบใหญ่ขึ้นเป็นชายและหญิงในพระคริสต์  {SC 68.1}
                เช่น เดียวกับที่ดอกไม้หันเข้าหาดวงอาทิตย์เพื่อแสงสว่างจะช่วยให้ดอกไม้นั้นงด งามและสมดุลอย่างสมบูรณ์  เราจึงควรหันไปยังดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมเพื่อแสงสว่างจากสวรรค์จะส่องลง มายังเรา  เพื่ออุปนิสัยของเราจะได้พัฒนาขึ้นจนเป็นเหมือนพระฉายาของพระคริสต์  {SC 68.2}
                พระเยซูทรงสอนเรื่องเดียวกันนี้  เมื่อพระองค์ตรัสว่า  จงเข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน  แขนงจะเกิดผลเองไม่ได้นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด  ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้.....เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย  (ยอห์น 15:4, 5)  ท่านจะต้องพึ่งพระคริสต์  เพื่อชีวิตของท่านจะบริสุทธิ์  เหมือนเช่นกิ่งที่ต้องพึ่งลำต้นเพื่อจะงอกและเกิดผล  หากท่านแยกตัวเองออกจากพระองค์  ท่านจะไม่มีชีวิต  ท่านไม่มีอำนาจต่อต้านการทดลองหรืออำนาจที่จะเจริญขึ้นในพระคุณและความ บริสุทธิ์  จงเข้าสนิทกับพระองค์  แล้วท่านจะรุ่งเรือง  จงหล่อเลี้ยงชีวิตของท่านจากพระองค์  เพื่อท่านจะไม่เหี่ยวเฉาหรือไร้ผล  ท่านจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ  {SC 68.3}
                มี คนมากมายคิดว่าเขาต้องทำบางอย่างด้วยตัวเอง  พวกเขาวางใจพระคริสต์ที่ให้อภัยความบาป  แต่บัดนี้เขาใช้ความสามารถของตนเองเพื่อดำรงชีวิตให้ถูกต้อง  แต่ความพยายามเหล่านี้จะล้มเหลว  พระเยซูตรัสว่า  แยกจากเราแล้ว  ท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย  การเติบใหญ่ขึ้นในพระคุณ  ความสุขของเรา  การทำงานที่เกิดประโยชน์  สิ่งเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับการเข้าร่วมเป็นหนึ่งกับพระคริสต์  โดยการติดต่อกับพระองค์ทุกวัน  ทุกชั่วโมง  ซึ่งเป็นการติดสนิทกับพระองค์เพื่อที่เราจะเติบใหญ่ในพระคุณได้  พระองค์ไม่ได้เป็นเพียงผู้บุกเบิกความเชื่อของเราเท่านั้นแต่ยังทรงเป็นผู้ ทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์  พระคริสต์ทรงเป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายและทรงเป็นอยู่ตลอดกาล  พระองค์จะทรงอยู่ร่วมกับเรา  ไม่ใช่ที่จุดเริ่มต้นและที่จุดสุดปลายเท่านั้น  แต่ตลอดทุกย่างก้าว  กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า  ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ  เพราะพระองค์ประทับทางเบื้องขวาของข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว  (สดุดี 16:8)  {SC 69.1}
                ท่านถามใช่หรือไม่ว่า  ข้าพเจ้าจะติดสนิทกับพระคริสต์ได้อย่างไร  ก็ด้วยวิธีเดียวกันกับที่ท่านได้ยอมรับพระองค์ตั้งแต่ต้น  เหตุฉะนั้นเมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสต์เจ้าแล้วฉันใด  จงปฏิบัติพระองค์ด้วยฉันนั้น  คนชอบธรรม.....จะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ  (โคโลสี 2:6; ฮีบรู 10:38)  ท่านมอบถวายตัวท่านเองให้พระเจ้าแล้วเพื่อให้เป็นของพระองค์ทั้งหมด  เพื่อรับใช้และเชื่อฟังพระองค์  และท่านรับพระคริสต์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของท่าน  ท่านไถ่บาปของท่านเองด้วยตัวของท่านเองไม่ได้หรือเปลี่ยนแปลงจิตใจของท่าน เองไม่ได้  แต่ท่านเชื่อว่า  โดยการมอบถวายตัวท่านเองให้พระเจ้าแล้ว  พระองค์ทรงกระทำการทั้งหมดนี้ให้ท่านโดยเห็นแก่พระคริสต์  โดยความเชื่อท่านเป็นของพระคริสต์แล้ว  และโดยความเชื่อท่านจะเติบใหญ่ขึ้นในพระองค์  ทั้งจากการมอบให้และการรับ  ท่านจะต้องมอบทุกสิ่งรวมทั้งจิตใจ  ความตั้งใจและการรับใช้ของท่าน  มอบถวายตัวท่านเองให้พระองค์โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดของพระองค์  และท่านจะต้องยอมรับทั้งหมด  คือ  พระคริสต์ผู้ทรงเต็มล้นด้วยพระพรทั้งหมด  ให้เข้ามาสถิตในดวงใจของท่าน  เพื่อเป็นกำลังของท่าน  เป็นความชอบธรรมของท่าน  เป็นพระผู้ช่วยนิรันดร์ของท่าน  และพระองค์จะทรงประทานอำนาจให้แก่ท่านที่จะเชื่อปฏิบัติตามได้  {SC 69.2}
                จงถวายตัวของท่านให้พระเจ้าทุกเช้า  ให้เป็นงานแรกที่ท่านทำ  ให้อธิษฐานว่า  โอข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงโปรดรับข้าพระองค์ให้เป็นของพระองค์ทั้งหมด  ข้าพระองค์ขอวางแผนการทั้งหมดของข้าพระองค์ไว้ที่เบื้องพระบาทของพระองค์  โปรดใช้ข้าพระองค์ในพระราชกิจของพระองค์ในวันนี้  ขอทรงโปรดสถิตอยู่กับข้าพระองค์และโปรดให้งานทั้งหมดของข้าพระองค์อยู่ในพระองค์  นี่คือสิ่งที่เราต้องทำทุกวัน  ท่านจะต้องมอบถวายตัวให้พระเจ้าทุกเช้า  มอบถวายแผนการทั้งหมดของท่านให้พระองค์เพื่อจะทำให้สำเร็จหรือล้มเลิกไปตาม การทรงนำของพระองค์  ด้วยประการฉะนี้  ท่านจะมอบถวายชีวิตของท่านให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าทุกวัน  และชีวิตของท่านจะถูกปั้นแต่งให้เหมือนชีวิตของพระคริสต์ได้มากยิ่งขึ้น  {SC 70.1}
                ชีวิต ในพระคริสต์เป็นชีวิตที่สุขสบาย  เป็นชีวิตที่อาจจะไม่ตื่นเต้น  แต่จะมีความวางใจที่เชื่อถือและสงบสุข  ความหวังของท่านไม่ได้อยู่ในตัวของท่านเอง  แต่อยู่ในพระคริสต์  ความอ่อนแอของท่านประสานเข้ากับพละกำลังของพระองค์  ความโง่เขลาของท่านประสานเข้ากับพระปัญญาของพระองค์  ความเปราะบางของท่านประสานเข้ากับอำนาจที่ยั่งยืนของพระองค์  ดังนั้นท่านจึงไม่ควรมองตัวเอง  อย่าให้สมองของท่านคิดถึงแต่ตัวเอง  แต่ให้มองไปยังพระคริสต์  จงให้ความนึกคิดของท่านพักพิงอยู่ในความรักของพระองค์ในความงดงาม  ความดีรอบคอบที่มีอยู่ในพระลักษณะของพระองค์  จงให้จิตวิญญาณใคร่ครวญอยู่เสมอถึงเรื่องการละทิ้งตนของพระคริสต์  การถ่อมตนของพระองค์  ความบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ในบุคคลของพระองค์  ความรักที่ไม่มีรักใดเปรียบได้ของพระองค์  ท่านจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจนเป็นเหมือนพระคริสต์ได้ด้วยการรักพระองค์  ทำตามแบบอย่างของพระองค์  และพึ่งพิงในพระองค์อย่างเต็มที่  {SC 70.2}
                พระเยซูตรัสว่า  จงเข้าสนิทอยู่ในเรา  ข้อความนี้ให้แนวคิดของการพักผ่อน  ความมั่นคง  และความมั่นใจ  พระองค์ยังทรงเชิญชวนต่อไปว่า  “จงมาหาเราและเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข  (มัทธิว 11:28)  ผู้ประพันธ์สดุดีให้แนวคิดในทำนองเดียวกันว่า  จงสงบอยู่ต่อพระเจ้าและเพียรรอคอยพระองค์อยู่  และอิสยาห์ให้ความมั่นใจไว้ว่า  กำลังของเจ้าจะอยู่ในความสงบและความไว้วางใจ  (สดุดี 37:7; อิสยาห์ 30:15)  การพักผ่อนนี้ไม่ใช่เป็นการไม่ทำอะไร  เพราะในคำเชื้อเชิญของพระผู้ช่วยให้รอด  การพักผ่อนที่พระองค์ทรงสัญญาจะประทานให้นั้น  มีคำร้องเรียกให้ทำงานรับใช้ด้วย  จงเอาแอกของเราแบกไว้.....ท่านทั้งหลายจะได้พัก  (มัทธิว 11:29)  จิตใจที่พักพิงอยู่ในพระคริสต์อย่างเต็มที่จะทำงานรับใช้พระองค์ด้วยความจริงใจและจริงจังมากที่สุด  {SC 71.1}
                เมื่อ ความคิดของเราหมกมุ่นอยู่กับตนเอง  ความนึกคิดของเราก็จะหันออกไปจากพระคริสต์พระผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของพละ กำลังและชีวิต  ด้วยเหตุนี้  ซาตานจึงคอยพยายามอยู่เสมอที่จะหันเหความสนใจของเราออกไปจากพระผู้ช่วยให้ รอด  ซึ่งเป็นการกีดกันจิตวิญญาณจากการเข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระคริสต์ และจากการสื่อสารกับพระองค์  ความสุขสำราญทางฝ่ายโลก  ความกังวล  ความยุ่งเหยิงและความโศกเศร้าในชีวิต  ความผิดของผู้อื่นหรือความผิดพลาดและความไม่สมบูรณ์ของตัวท่านเอง  ซาตานจะใช้เรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือทั้งหมดนี้เพื่อหันเหความคิดของเรา  จงอย่าให้มันใช้เล่ห์กลของมันนำท่านให้หลง  มีคนมากมายที่มีความนึกคิดที่รอบคอบและมีความปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตอยู่ใน พระเจ้า  เขามักจะถูกมารชักนำให้หมกมุ่นอยู่กับความผิดพลาดและความอ่อนแอของตัวเขา เองอยู่เสมอ  และซาตานหวังที่จะได้ชัยชนะด้วยการทำให้เขาแยกตัวเองออกไปจากพระคริสต์  เราจะต้องไม่เอาตัวเราเองเป็นศูนย์กลางและหมกมุ่นอยู่กับความกังวลและความ กลัวว่าเราจะได้รับความรอดหรือไม่  เรื่องทั้งหมดนี้จะหันเหเราออกไปจากแหล่งกำลังของเรา  จงมอบการดูแลจิตวิญญาณของท่านให้พระเจ้าและวางใจในพระองค์  จงพูดและคิดถึงพระเยซู  จงให้ตัวของท่านจมหายไปในพระองค์  ขจัดความสงสัยออกไปให้หมด  ขับไล่ความกลัวให้ออกไป  และกล่าวร่วมกับอัครทูตเปาโลว่า  ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป  แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า  และชีวิตซึ่งข้าพเจ้าจะดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้  ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้าและได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า  (กาลาเทีย 2:20)  จงเข้าพักพิงอยู่ในพระเจ้า  พระองค์ทรงคอยเฝ้ารักษาสิ่งที่ท่านมอบถวายให้พระองค์  หากท่านจะยอมมอบถวายตัวของท่านเองให้อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์แล้ว  พระองค์จะทรงนำพาท่านให้เป็นยิ่งกว่าผู้มีชัยนะโดยทางพระองค์ผู้ทรงรักท่าน  {SC 71.2}
                เมื่อ พระคริสต์ทรงรับธรรมชาติของมนุษย์มาไว้ในพระองค์  พระองค์ทรงผูกมัดมนุษยชาติไว้ด้วยความรักที่ไม่มีอำนาจใดจะทำให้ขาดสะบั้น ไป  ยกเว้นแต่เป็นทางเลือกของเขาเอง  ซาตานจะคอยยื่นข้อเสนอจูงใจเพื่อชักชวนให้เราตัดความสัมพันธ์นี้อยู่สม่ำ เสมอ  เพื่อให้เราเลือกที่จะแยกตัวเราเองออกไปจากพระคริสต์  นี่คือสิ่งที่เราต้องคอยเฝ้าระวัง  คอยบากบั่น  คอยอธิษฐานเพื่อไม่ให้สิ่งใดมาชักนำให้เราเลือกนายอื่น  เพราะเรามีเสรีภาพที่จะทำเช่นนี้ได้เสมอ  แต่ขอให้สายตาของเราจ้องมองไปยังพระคริสต์และพระองค์จะทรงคุ้มครองรักษาเรา  เมื่อเรามองไปยังพระเยซูคริสต์  เราจะปลอดภัย  ไม่มีสิ่งใดจะถอนเราให้ออกไปจากพระหัตถ์ของพระองค์ได้  เมื่อเราเฝ้ามองพระองค์อยู่เสมอ  เราจะ  เปลี่ยนไปเป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์พระผู้เป็นเจ้าคือมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป  เช่นอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระวิญญาณ  (2 โครินธ์ 3:18{SC 72.1}
                นี่ เป็นวิธีที่อัครสาวกในยุคแรกได้รับพระฉายาของพระผู้ช่วยให้รอดอันเป็นที่รัก ยิ่งของเขาทั้งหลาย  เมื่อสาวกเหล่านั้นได้ยินพระดำรัสของพระเยซู  พวกเขาตระหนักดีว่า  พวกเขาต้องการพระองค์  พวกเขาตามหาและได้พบ  พวกเขาจึงได้ติดตามพระองค์ไป  พวกเขาอยู่ร่วมกับพระองค์ในบ้าน  ที่โต๊ะอาหารในห้องชั้นใน  ในทุ่งนา  พวกเขาอยู่กับพระองค์ในฐานะนักเรียนอยู่กับอาจารย์  พวกเขารับบทเรียนแห่งความจริงศักดิ์สิทธิ์จากพระโอษฐ์ของพระองค์ทุกวัน  พวกเขามองดูพระองค์เช่นเดียวกับบ่าวที่มองดูนายเพื่อการเรียนรู้หน้าที่สาวก เหล่านั้น  เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนกับเราทั้งหลาย  (ยากอบ 5:17)  พวกเขามีสงครามที่จะต้องต่อสู้กับความบาปเหมือนกับเรา  พวกเขาต้องการพระคุณเดียวกันเพื่อจะดำรงชีวิตที่บริสุทธิ์  {SC 72.2}
                แม้ กระทั่งยอห์น  สาวกที่พระองค์ทรงรัก  ซึ่งเป็นผู้ที่สะท้อนพระลักษณะของพระผู้ช่วยให้รอดได้มากที่สุด  ก็ไม่ได้มีอุปนิสัยที่น่ารักนี้ติดตัวมาโดยธรรมชาติ  ท่านไม่เพียงแต่เป็นคนที่ถือรักษาสิทธิของตนเองและทะเยอทะยานมุ่งหา เกียรติยศเท่านั้น  ท่านยังเป็นคนหุนหันพลันแล่นและไม่พอใจเมื่อถูกคุกคาม  แต่เมื่อท่านได้มองเห็นพระลักษณะของพระองค์  ท่านก็มองเห็นความบกพร่องในตัวเองและได้ถ่อมใจลง  ท่านได้มองเห็นพละกำลังและความอดทน  อำนาจและความอ่อนโยน  ความยิ่งใหญ่และความถ่อมตนที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันของพระบุตรของพระเจ้า  สิ่งเหล่านี้ได้เติมจิตวิญญาณของท่านให้เต็มล้นด้วยความเลื่อมใสและความรัก  วันแล้ววันเล่า  จิตใจของท่านถูกชักนำเข้าไปหาพระคริสต์  จนกระทั่งความรักที่ท่านมีเพื่อถวายพระอาจารย์ของท่านทำให้ท่านมองไม่เห็นตน เอง  อารมณ์ขุ่นเคืองและทะเยอทะยานได้ยอมสยบต่ออำนาจแห่งการหล่อหลอมของพระ คริสต์  อิทธิพลของการบังเกิดใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เปลี่ยนแปลงจิตใจของท่าน ใหม่  อำนาจของความรักที่ท่านมีในพระคริสต์ได้กระทำให้อุปนิสัยเปลี่ยนแปลงไป  นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อเราเข้าร่วมเป็นหนึ่งกับพระเยซู  เมื่อพระคริสต์ทรงสถิตอยู่ในจิตใจ  ธรรมชาติทั้งหมดก็จะเปลี่ยนแปลง  พระวิญญาณของพระคริสต์  ความรักของพระองค์ทำให้จิตใจอ่อนโยน  วิญญาณจิตสงบและยกระดับความคิดและความปรารถนาไปยังพระเจ้าและสวรรค์  {SC 73.1}
                เมื่อ พระคริสต์เสด็จกลับสวรรค์  ผู้ติดตามของพระองค์ยังคงรู้สึกว่าพระองค์ยังสถิตร่วมอยู่ด้วย  เป็นความรู้สึกของการทรงสถิตอยู่ด้วยแบบส่วนตัว  ซึ่งเต็มไปด้วยความรักและมีชีวิตชีวา  พระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดผู้ได้ทรงดำเนิน  สนทนา  และอธิษฐานร่วมกับพวกเขา  พระองค์ผู้ได้ทรงตรัสความหวังและปลอบประโลมจิตใจของพวกเขา  ในขณะที่ข่าวสารแห่งสันติสุขยังอยู่ที่ริมพระโอษฐ์นั้น  พระองค์ได้ถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์  พระสุรเสียงของพระองค์ดังกลับมาจากหมู่เมฆอันเป็นที่ประกอบด้วยเหล่าทูต สวรรค์ที่กำลังรับพระองค์ขึ้นไปนั้นว่า  นี่แหละ  เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุค  (มัทธิว 28:20)  พระองค์เสด็จขึ้นไปยังสวรรค์ด้วยพระวรกายของมนุษย์  พวกเขาทราบดีว่าพระองค์ที่ประทับอยู่เบื้องพระที่นั่งของพระเจ้ายังทรงเป็น พระสหายและพระผู้ช่วยให้รอดของเขา  พระเมตตาของพระองค์ไม่แปรเปลี่ยน  พระองค์ยังทรงมีส่วนร่วมกับมนุษยชาติที่ตกอยู่ในความทุกข์ยาก  พระองค์ทรงนำเสนออำนาจที่มีอยู่ในพระโลหิตประเสริฐต่อเบื้องพระพักตร์พระ บิดาทรงแสดงให้เห็นบาดแผลที่พระหัตถ์และพระบาทของพระองค์  เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงราคาที่พระองค์ได้ทรงจ่ายเพื่อผู้ที่พระองค์ทรง ไถ่  พวกเขาทราบดีว่าพระองค์ทรงเสด็จไปสวรรค์เพื่อเตรียมที่ให้พวกเขา  และพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกและรับพวกเขาให้ไปอยู่กับพระองค์  {SC 73.2}
                เมื่อ พวกเขาร่วมประชุมกันภายหลังจากที่พระองค์เสด็จกลับสวรรค์  พวกเขาร้อนรนเพื่อทูลขอต่อพระบิดาในนามของพระเยซู  พวกเขาก้มลงอธิษฐานด้วยความเกรงขามและจริงจัง  พวกเขาทบทวนคำสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า  ถ้าท่านขอสิ่งใดจากพระบิดา  พระองค์จะประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านในนามของเรา  แม้จนบัดนี้ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา  จงขอเถิด  แล้วจะได้เพื่อความชื่นชมยินดาของท่านจะมีเต็มเปี่ยม  (ยอห์น 16:23,24)  พวกเขายื่นมือแห่งความเชื่อให้สูงขึ้นและสูงยิ่งขึ้นไป  ด้วยข้อสรุปที่ยิ่งใหญ่ว่า  พระเยซูคริสต์.....ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้วและยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย  ทรงสถิต  ณ  เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าและทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย  (โรม 8:34)  และในเทศกาลเพ็นเทคศเต  องค์พระผู้ช่วยก็ได้เสด็จมาอยู่ร่วมกับพวกเขาด้วย  เป็นองค์พระผู้ช่วยที่พระคริสต์ทรงกล่าวถึงว่า  ทรงสถิตอยู่กับท่าน  และพระองค์ตรัสต่อไปอีกว่า  การ ที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน  เพราะถ้าเราไม่ไป  พระองค์ผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน  แต่ถ้าเราไปแล้ว  เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน  (ยอห์น 14:17; 16:7)  นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  พระคริสต์ก็ได้สถิตอยู่ร่วมในจิตใจของเหล่าบุตรทั้งหลายของพระองค์โดยทางพระ วิญญาณอยู่ตลอดเวลา  การเข้าร่วมเป็นหนึ่งระหว่างพวกเขากับพระองค์ก็ใกล้ชิดยิ่งกว่าในสมัยที่ พระองค์ทรงอยู่ร่วมกับพวกเขา  ความมีชีวิตชีวา  และความรักและอำนาจที่พระคริสต์ทรงสถิตอยู่ร่วมกับพวกได้ส่องผ่านพวกเขาออก มา  เพื่อให้มนุษย์ที่มองเห็นพวกเขาจะ  ประหลาดใจแล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู  (กิจการของอัครทูต 4:13)  {SC 74.1}
                พระคริสต์ทรงเป็นทุกสิ่งของเหล่าสาวกทั้งหลาย  ในทุกวันนี้  พระองค์ทรงปรารถนาที่จะเป็นทุกสิ่งของบรรดาบุตรของพระองค์ด้วย  เพราะในคำอธิษฐานสุดท้ายร่วมกับสาวกกลุ่มเล็กๆ ที่มาเข้าเฝ้าพระองค์นั้น  พระองค์ตรัสว่า  ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว  แต่เพื่อคนทั้งหลายที่วางใจในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา  (ยอห์น 17:20)  {SC 75.1}
                พระ เยซูอธิษฐานเผื่อเราและพระองค์ทรงเชิญชวนให้เราเข้าร่วมเป็นหนึ่งกับ พระองค์  เหมือนเช่นที่พระองค์ทรงเป็นหนึ่งร่วมกับพระบิดา  ช่างเป็นการเข้าร่วมเป็นหนึ่งที่ดีอะไรเช่นนี้  พระผู้ช่วยให้รอดทรงกล่าวถึงพระองค์เองว่า  พระบุตรจะกระทำสิ่งใดตามใจไม่ได้  พระบิดาผู้ทรงสถิตอยู่ในเราได้ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์  (ยอห์น 5:19; 14:10)  เมื่อพระคริสต์ทรงร่วมสถิตอยู่ในจิตใจของเราแล้ว  พระองค์จะทรงกระทำกิจอยู่ภายในเรา  ให้ท่านมีใจปรารถนาทั้งให้ประพฤติตามชอบพระทัยของพระองค์  (ฟีลิปปี 2:13)  เราจะกระทำกิจเหมือนเช่นที่พระองค์ทรงทำ  เราจะแสดงออกด้วยวิญญาณจิตเดียวกัน  ด้วยประการฉะนี้  เราจะรักและเข้าสนิทกับพระองค์  เราจะ เจริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์ (เอเฟซัส 4:15) {SC 75.2}

Visit us for more information http://www.greatesthope.com

For more information, please contact 
Alejandro at mienfield@yahoo.com
or contact
Thailand Adventist Mission 
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
 
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
 
Information:  
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
 

VISIT ALSO


http://www.adventist.or.th/

http://thaivop.com/

No comments: