เคล็ดลับที่ 10
รู้จักพระเจ้า
พระเจ้าทรงใช้วิธีมากมายเพื่อนำเราให้มารู้จักพระองค์และนำเราเข้ามาสื่อ
สัมพันธ์กับพระองค์ ธรรมชาติไม่เคยหยุดเตือนความรู้สึกของเรา
จิตใจที่เปิดกว้างจะซาบซึ้งในความรักและพระสิริของพระเจ้าที่เปิดเผยผ่านพระ
หัตถกิจของพระองค์
หูที่ตั้งใจฟังจะได้ยินและเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้สื่อผ่านสรรพสิ่งใน
ธรรมชาติ ทุ่งนาเขียวชอุ่ม ต้นไม้สูงตระหง่าน ดอกตูมและดอกบาน
ก้อนเมฆที่ลอยผ่านไปมา สายฝนที่ตกลงมา เสียงน้ำไหลของลำธาร
รัศมีเจิดจ้าของท้องฟ้า
สิ่งเหล่านี้ล้วนพูดกับจิตใจของเราและเชิญชวนให้เรามาทำความรู้จักพระเจ้า
ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งเหล่านั้น {SC 85.1}
พระ
ผู้ช่วยให้รอดของเราทรงนำบทเรียนอันมีค่าของพระองค์มาเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ
ในธรรมชาติ ต้นไม้ นก
ดอกไม้ในหุบเขา เนินเขา ทะเลสาบ
และท้องฟ้าที่สวยงาม
รวมทั้งเหตุการณ์และสิ่งที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของเรา
พระองค์นำสิ่งเหล่านี้มาเชื่อมต่อกับพระวจนะแห่งความจริงเพื่อเราจะจดจำบท
เรียนต่างๆ
ของพระองค์อยู่เสมอ
แม้ในช่วงเวลาที่เรากำลังยุ่งอยู่กับภารกิจในชีวิตของเราก็ตาม {SC 85.2}
พระ
เจ้าทรงประสงค์ให้เหล่าบุตรทั้งหลายของพระองค์พึงพอใจในพระหัตถกิจของ
พระองค์และชื่นชมกับความงามอันเรียบง่ายและสงบเงียบที่พระองค์ทรงใช้ประดับ
บ้านของเราในโลกนี้
พระองค์ทรงเป็นผู้ที่รักความสวยงามและเหนือความงดงามภายนอกใดๆ
พระองค์ทรงโปรดปรานอุปนิสัยที่งดงามมากยิ่งกว่า
พระองค์ทรงประสงค์ให้เราบ่มเพาะนิสัยที่บริสุทธิ์และเรียบง่ายซึ่งเป็น
เหมือนความงดงามที่เรียบง่ายของดอกไม้ทั้งปวง {SC 85.3}
ถ้า
หากเราเพียงแต่ยอมฟัง
สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างจะสอนบทเรียนแห่งการเชื่อฟังและการวางใจที่มีคุณ
ค่ายิ่งให้แก่เรา
นับตั้งแต่ดวงดาวบนท้องนภาที่โคจรไปในอวกาศตามเส้นทางของมันจากยุคหนึ่งไป
สู่อีกยุคหนึ่งโดยที่ดวงดาวเหล่านั้นไม่มีลู่ทางให้มันเดิน
จนถึงอะตอมขนาดเล็กที่สุด
ทุกสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติเชื่อฟังตามพระบัญชาของพระผู้สร้าง
และพระเจ้าทรงใส่พระทัยทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง
และพระองค์ทรงบำรุงรักษาสิ่งเหล่านั้น
พระองค์ทรงค้ำจุนโลกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
ไพศาล และในเวลาเดียวกัน
พระองค์ทรงใส่พระทัยต่อความต้องการของนกกระจอกสีน้ำตาลตัวน้อยๆ
ที่ร้องเพลงอย่างแผ่วเบาโดยปราศจากความกลัว
พระบิดาบนสวรรค์ทรงเฝ้ามองดูมนุษย์ทุกคนด้วยความเอ็นดู
ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่พวกเขาออกไปทำงานตรากตรำของชีวิตประจำวัน
พระองค์ทรงเฝ้าเช่นเดียวกับในขณะเมื่อเขาอธิษฐานอยู่
เมื่อเขานอนลงในยามค่ำคืน และเมื่อเขาลุกขึ้นในเวลาเช้า
เมื่อคนร่ำรวยเลี้ยงฉลองกันในคฤหาสน์หรือเมื่อคนยากจนกับลูกๆ
นั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารที่มีอาหารแต่เพียงเล็กน้อย
ไม่มีหยาดน้ำตาใดที่ไหลออกมาโดยที่พระเจ้าไม่ได้สังเกต
ไม่มีรอยยิ้มใดที่พระองค์ไม่ได้มองเห็น {SC 85.4}
หาก
เราจะเชื่อเช่นนี้ด้วยความเต็มใจแล้ว
เราก็จะขจัดความกังวลที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกไปได้
ชีวิตของเราจะไม่เต็มไปด้วยความผิดหวังเหมือนกับสภาพที่เป็นอยู่ในทุก
วันนี้ เพราะทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กน้อยสักเพียงใด
จะจัดวางไว้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า
ความกังวลใจมากมายหลากหลายและภาระที่หนักจะไม่ไปรบกวนพระองค์
และจิตวิญญาณของเราจะได้ชื่นชมกับการพักผ่อนซึ่งคนมากมายปรารถนาที่จะรับ {SC 86.1}
เมื่อ
ท่านรู้สึกประทับใจกับความสวยงามที่ดึงดูดใจของโลกนี้แล้ว
ขอให้ท่านลองคิดถึงโลกที่กำลังจะมาถึงในภายภาคหน้า
ซึ่งเป็นโลกที่ไม่เคยประสบกับความหายนะของความบาปและความตาย
ไม่มีเงามืดแห่งคำแช่งสาปบดบังพื้นผิวของธรรมชาติ
ให้ท่านจินตนาการถึงบ้านที่บรรดาคนที่ได้รับความรอดจะไปอยู่อาศัย
และขอให้ท่านจดจำไว้ว่า
บ้านหลังนั้นจะยิ่งใหญ่กว่าการจินตนาการที่ดีที่สุดของเราจะคิดพรรณนาขึ้นมา
ได้ จากของประทานมากมายของพระเจ้าที่มีอยู่ในธรรมชาติ
เรามองเห็นพระสิริของพระเจ้าได้แค่เพียงเลือนรางเท่านั้น
พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า ”สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน
และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึงคือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์” .(1 โครินธ์ 2:9) {SC 86.2}
กวี
และนักธรรมชาติวิทยามีเรื่องมากมายที่จะพูดถึงธรรมชาติ
แต่มีเพียงคริสเตียนเท่านั้นที่จะชื่นชมกับความงดงามของโลกด้วยความซาบซึ้ง
ใจที่สุด
เพราะพวกเขามองเห็นพระหัตถกิจของพระบิดาและรับรู้ถึงความรักของพระองค์ที่
มองเห็นได้ในดอกไม้ พุ่มไม้และต้นไม้
ไม่มีผู้ใดจะเข้าใจความสำคัญของเนินเขาและหุบเขา
แม่น้ำและทะเลได้อย่างเต็มที่
โดยที่เขามองไม่เห็นว่าสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรักที่พระเจ้าทรงมี
ไว้ให้แก่มนุษย์ {SC 87.1}
พระ
เจ้าตรัสกับเราโดยผ่านทางพระราชกิจของพระองค์และโดยผ่านทางอิทธิพลของพระ
วิญญาณที่มีต่อจิตใจ ในสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา
ในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวของเรา
หากเราจะเปิดใจกว้างเพื่อเข้าใจสิ่งเหล่านั้น
เราจะรับบทเรียนอันมีค่ามากมาย
เมื่อผู้ประพันธ์สดุดีได้ติดตามพระราชกิจแห่งการทรงนำของพระเจ้า
พระองค์ได้ทรงตรัสว่า “แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระเจ้า” “ผู้ใดฉลาดก็ขอให้ฟังสิ่งเหล่านี้ให้เขาพิจารณาถึงความรักมั่นคงของพระเจ้า” (สดุดี 33:5;
107:43) {SC 87.2}
พระเจ้าทรงตรัสกับเราโดยผ่านทางพระวจนะของพระองค์ ในพระวจนะซึ่งได้เปิดเผยไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้เราทราบถึงพระอุปนิสัยของพระองค์
วิธีที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อมนุษย์และพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของการไถ่ให้รอด
พระวจนะนี้ทำให้เรามองเห็นประวัติศาสตร์ของเหล่าปิตุลาและผู้เผยพระวจนะและผู้ชอบธรรมของพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ในอดีต พวกเขา
“เป็นคนเหมือนอย่างเราทุกประการ” (ยากอบ 5:17)
เราเห็นเขาเหล่านั้นต่อสู้กับความท้อแท้เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเรา
เห็นพวกเขาพ่ายแพ้ต่อการทดลองเหมือนกับที่เราประสบ แต่ถึงกระนั้น
พวกเขากลับใจและได้รับชัยชนะโดยพระคุณของพระเจ้า
และด้วยการมองไปยังคนเหล่านี้
เราจะได้กำลังใจในการปล้ำสู้เพื่อความชอบธรรม
ในขณะที่เราอ่านเรื่องของประสบการณ์อันมีค่าที่ทรงโปรดประทานให้แก่พวกเขา
เรื่องของแสงสว่างและความรักและพระพรที่พวกเขาชื่นชอบ
และเรื่องของผลงานที่เขาทำโดยพระคุณที่ทรงโปรดประทานให้นั้นพระวิญญาณที่ทรง
ดลใจเขาเหล่านั้นจะจุดประกายขึ้นในจิตใจของเรา
เพื่อให้พวกเราทำตามสิ่งที่บริสุทธิ์นั้นและทำให้เราต้องการมีอุปนิสัย
เหมือนเช่นพวกเขา นั่นคือ
ได้ดำเนินร่วมไปกับพระเจ้าเหมือนที่พวกเขาเคยทำมาแล้ว {SC 87.3}
พระเยซูตรัสถึงพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมว่า
“พระคัมภีร์นั้นเป็นพยานให้แก่เรา” (ยอห์น 5:39)
และพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวถึงพระองค์มากกว่าพระคัมภีร์
ภาคพันธสัญญาเดิม พระคัมภีร์กล่าวถึงองค์พระผู้ไถ่
ผู้ทรงเป็นศูนย์กลางของความหวังแห่งชีวิตนิรันดร์ของเรา
พระคัมภีร์ทั้งเล่มกล่าวถึงพระคริสต์
เริ่มตั้งแต่บันทึกครั้งแรกสุดเกี่ยวกับการทรงสร้างโลกที่กล่าวว่า “ในบรรดาที่เป็นมานั้นไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระวาทะ” (ยอห์น 1:3)
จนถึงพระสัญญาสุดท้ายในพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า “เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน” (วิวรณ์ 22:12)
เรากำลังอ่านพระราชกิจของพระองค์และคอยฟังพระสุรเสียงของพระองค์
หากท่านต้องการรู้จักพระผู้ช่วยให้รอดก็ขอให้ท่านศึกษาพระคริสตธรรมคัมภีร์ {SC 88.1}
จงเติมพระวจนะของพระเจ้าเข้าไปในจิตใจของเราให้เต็มล้น พระวจนะของพระเจ้าเป็นเหมือนน้ำพุแห่งชีวิตที่ดับความกระหาย
พระวจนะของพระเจ้าเป็นทิพย์อาหารแห่งชีวิตที่มาจากสวรรค์ พระเยซูตรัสว่า “ถ้าท่านไม่กินเนื้อและไม่ดื่มโลหิตของบุตรมนุษย์ ท่านก็ไม่มีชีวิตในตัวท่าน”
แล้วพระองค์ทรงอธิบายความหมายของข้อความเหล่านี้ด้วยการตรัสว่า “ถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลายนั้นเป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต” (ยอห์น 6:53, 63) ร่างกายของเราสร้างมาจากสิ่งที่เรารับประทานและดื่มเข้าไป
ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณมีลักษณะคล้ายคลึงชีวิตทางฝ่ายกาย
สิ่งที่เรานำมาไตร่ตรองจะสร้างสมรรถภาพและพละกำลังให้แก่จิตวิญญาณของเรา {SC 88.2}
การ
ไถ่ให้รอดเป็นหัวข้อที่บรรดาเหล่าทูตสวรรค์ปรารถนาจะติดตามหัวข้อนี้จะเป็น
ศาสตร์และบทเพลงของบรรดาผู้ที่ได้รับความรอดตลอดทุกยุคสมัยอย่างไม่มีวัน
สิ้นสุด
เรื่องนี้ไม่มีค่าเพียงพอที่จะไตร่ตรองและศึกษาอย่างระมัดระวังในปัจจุบัน
นี้หรือ พระเมตตาคุณและความรักของพระเยซูอันไม่มีขอบเขต
การเสียสละที่พระองค์ทรงกระทำให้แก่เรา
เชิญชวนให้เราไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจังและเคร่งขรึมที่สุด
เราจะต้องไตร่ตรองถึงพระลักษณะขององค์พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ทรงเป็นนาย
ที่รักของเรา
เราจะต้องเพ่งพินิจถึงพันธกิจของพระองค์ที่เสด็จมาช่วยประชากรของพระองค์ให้
รอดพ้นจากความบาปของเขา ในขณะที่เราใคร่ครวญเรื่องที่มาจากสวรรค์
ความเชื่อและความรักที่มีอยู่ในตัวของเราก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น
และพระเจ้าจะทรงยอมรับคำอธิษฐานของเรามากยิ่งขึ้น
เพราะคำอธิษฐานนั้นจะประกอบด้วยความเชื่อและความรักที่เด่นชัดขึ้น
พวกเขาจะมีปัญญาและมีความร้อนรน
จะมีความวางใจในพระเยซูได้แน่วแน่มากยิ่งขึ้น และในทุกๆ วัน
พวกเขาก็จะได้รับประสบการณ์ชีวิตโดยอาศัยอำนาจแห่งการช่วยให้รอดของพระองค์
ที่ทรงนำทุกคนที่เข้ามาหาพระเจ้าโดยทางพระเยซู {SC 88.3}
เมื่อ
เราใคร่ครวญถึงความดีรอบคอบขององค์พระผู้ช่วยให้รอด
เราก็ปรารถนาที่จะรับการเปลี่ยนแปลงและรับการสร้างใหม่อย่างหมดสิ้นในพระ
ฉายาอันบริสุทธิ์ของพระองค์
จิตวิญญาณจะหิวกระหายที่จะเป็นเหมือนพระองค์ที่เรารักบูชา
เมื่อเรานึกคิดถึงพระคริสต์มากขึ้นเพียงไร
เราก็จะกล่าวถึงพระองค์ให้ผู้อื่นฟังและเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกนี้มาก
ยิ่งขึ้นเท่านั้น {SC 89.1}
พระคริสตธรรมคัมภีร์ไม่ได้เขียนให้ผู้คงแก่เรียนเท่านั้น
ในทางกลับกันพระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้คนสามัญทั่วไป
ด้วยความจริงยิ่งใหญ่ที่จำเป็นต่อความรอดนั้นแจ่มแจ้งชัดเจน ดังเช่นเวลาเที่ยงวัน และจะไม่มีผู้ใดเข้าใจผิดและหลงทางไปได้
นอกจากผู้ที่ทำตามความคิดของตนเองแทนพระประสงค์ของพระเจ้าที่ได้ทรงเปิดเผยไว้อย่างชัดเจน {SC 89.2}
เรา
จะต้องไม่เชื่อคำพูดของผู้อื่นมากเท่ากับการเชื่อในสิ่งที่พระคัมภีร์สอน
แต่เราจะต้องศึกษาพระวจนะของพระเจ้าด้วยตนเอง
หากเราปล่อยให้คนอื่นคิดแทนเรา
พลังความคิดของเราจะพิการไปและความสามารถของเราก็จะหดหายไป
พลังสมองอันประเสริฐจะแคระแกร็น
เพราะขาดการฝึกฝนในหัวข้อที่มีคุณค่าซึ่งต้องเอาใจใส่จนทำให้ความสามารถใน
การเข้าใจความหมายลึกซึ้งในพระวจนะของพระเจ้าขาดหายไป
ความนึกคิดจะเพิ่มพูนขึ้นถ้านำไปใช้เพื่อติดตามความสัมพันธ์ของเรื่องต่างๆ
ในพระคัมภีร์โดยเปรียบเทียบข้อพระคัมภีร์ด้วยข้อพระคัมภีร์
และเรื่องของฝ่ายจิตวิญญาณด้วยเรื่องของฝ่ายวิญญาณ {SC 89.3}
ไม่
มีสิ่งใดที่จะเสริมสร้างสติปัญญาให้แข็งแกร่งขึ้นได้ดีกว่าการศึกษาพระ
คัมภีร์
ไม่มีหนังสือเล่มใดที่มีอำนาจในการยกระดับความคิด
สร้างความกระชุ่มกระชวยให้แก่สติปัญญาได้ดีเท่ากับความจริงอันกว้างขวางและ
สูงส่งของพระคัมภีร์
ถ้าหากทุกคนจะศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างที่เขาควรจะทำแล้ว
มนุษย์จะมีความคิดที่เปิดกว้าง มีอุปนิสัยที่สง่างาม
และมีความมุ่งหมายมั่นคงที่มีให้เห็นน้อยมากในยุคนี้ {SC 90.1}
แต่
การอ่านพระคัมภีร์อย่างรีบเร่งจะให้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย
บางคนอ่านพระคัมภีร์จนจบเล่ม
แต่มองไม่เห็นความงดงามและไม่เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายใน
การศึกษาพระคัมภีร์เพียงตอนหนึ่งจนกระทั่งสมองเข้าใจความสำคัญของพระคัมภีร์
ข้อนั้นอย่างชัดเจน
และมองเห็นหลักฐานที่สัมพันธ์กับแผนการแห่งความรอด
จะมีค่ามากยิ่งกว่าการอ่านหลายบทโดยไม่มีเป้าหมายแน่นอนและไม่ได้รับคำสอน
ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ขอให้ท่านนำพระคัมภีร์ติดตัวไว้เสมอ
เมื่อมีโอกาสให้เปิดอ่าน ใส่ข้อพระคัมภีร์เข้าไปในความจำของท่าน
แม้ในขณะที่เดินอยู่ตามถนน
ท่านอาจจะอ่านพระคัมภีร์สักตอนหนึ่งและใคร่ครวญถึงตอนนั้น
การทำเช่นนี้จะทำให้สมองจดจำข้อพระคัมภีร์ได้ดี {SC 90.2}
การ
ไม่ใส่ใจศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจังและการไม่อธิษฐานจะทำให้เราไม่ได้รับ
ปัญญา
มีพระคัมภีร์บางตอนที่กล่าวไว้ชัดเจนมากจนไม่มีทางที่จะเข้าใจผิดได้
แต่ก็มีพระคัมภีร์หลายตอนที่ไม่ได้มีความหมายอย่างผิวเผินที่จะให้เราเข้าใจ
ได้ด้วยการมองแค่เพียงผ่านตา
เราจะต้องเอาข้อพระคัมภีร์ข้อหนึ่งมาเปรียบเทียบกับข้อพระคัมภีร์อีกข้อ
หนึ่ง เราจะต้องค้นคว้าอย่างเอาใจใส่และไตร่ตรองคิดคำนึงด้วยการอธิษฐาน
และการศึกษาเช่นนี้จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
คนทำเหมืองได้ค้นพบสายแร่อันมีค่าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผิดโลกเช่นไร
ผู้ที่ศึกษาค้นหาพระวจนะของพระเจ้าด้วยความพากเพียรเหมือนเช่นการค้นหาขุม
ทรัพย์ที่ซ่อนไว้จะพบความจริงล้ำค่าที่สุดเช่นเดียวกัน
เป็นความจริงที่ถูกปกปิดจากสายตาของผู้ที่แสวงหาอย่างไม่ตั้งใจ
เมื่อจิตใจไตร่ตรองพระวจนะที่ได้รับการดลใจ
พระวจนะนั้นก็จะเป็นธารน้ำที่ไหลออกมาจากน้ำพุแห่งชีวิต {SC 90.3}
อย่า
ศึกษาพระคัมภีร์โดยไม่อธิษฐาน
ก่อนที่จะเปิดหน้าพระคัมภีร์เราจะต้องทูลขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานความ
กระจ่างแก่เรา และพระองค์จะทรงประทานให้ เมื่อนาธานาเอลมาหาพระเยซู
พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่า “ดูเถิด ชนอิสราเอลแท้ในตัวเขาไม่มีอุบาย” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร” พระเยซูตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟิลิปจะเรียกท่าน เมื่อท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น เราเห็นท่าน” (ยอห์น 1:47, 48)
และพระเยซูจะทรงทอดพระเนตรเราในที่ลี้ลับแห่งการอธิษฐานด้วยเช่นกัน
หากเราจะแสวงหาพระองค์เพื่อขอแสงสว่างที่เราจะได้รู้ว่าความจริงคืออะไร
ทูตสวรรค์ที่มาจากโลกแห่งความสว่างจะร่วมอยู่กับผู้ที่แสวงหาการทรงนำของพระ
เจ้าด้วยจิตใจที่ถ่อมตน {SC 91.1)
พระวิญญาณบริสุทธิ์เชิดชูและถวายเกียรติพระผู้ช่วยให้รอด
เป็นพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่นำเสนอพระคริสต์
ความชอบธรรมอันบริสุทธิ์ของพระองค์แล้วความรอดยิ่งใหญ่ที่เราจะได้รับโดยทางพระองค์ พระเยซูตรัสว่า “พระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย” (ยอห์น 16:14)
พระวิญญาณแห่งความจริงทรงเป็นพระอาจารย์ผู้สอนเรื่องของพระเจ้าได้อย่างเกิด
ผลเพียงพระองค์เดียว
พระเจ้าทรงประเมินค่าของเผ่าพันธุ์มนุษย์มากเพียงไรในการที่พระองค์ได้ทรง
ประทานพระบุตรของพระองค์ให้ลงมาสิ้นพระชนม์เพื่อเขาและทรงบัญชาพระวิญญาณของ
พระองค์ให้เสด็จมาเป็นพระอาจารย์และพระผู้ทรงนำของมนุษย์ตลอดไป {SC 91.2}
Visit us for more information http://www.greatesthope.com
http://www.adventist.or.th/
http://thaivop.com/
For more information, please contact
Alejandro at mienfield@yahoo.com
or contact
Thailand Adventist Mission
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
Information:
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
E-mail: sdatam@adventist.or.th
VISIT ALSO
http://www.adventist.or.th/
http://thaivop.com/
No comments:
Post a Comment