Friday, May 18, 2012

รู้จักพระเจ้า



เคล็ดลับที่ 10
รู้จักพระเจ้า

                พระเจ้าทรงใช้วิธีมากมายเพื่อนำเราให้มารู้จักพระองค์และนำเราเข้ามาสื่อ สัมพันธ์กับพระองค์  ธรรมชาติไม่เคยหยุดเตือนความรู้สึกของเรา  จิตใจที่เปิดกว้างจะซาบซึ้งในความรักและพระสิริของพระเจ้าที่เปิดเผยผ่านพระ หัตถกิจของพระองค์  หูที่ตั้งใจฟังจะได้ยินและเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้สื่อผ่านสรรพสิ่งใน ธรรมชาติ  ทุ่งนาเขียวชอุ่ม  ต้นไม้สูงตระหง่าน  ดอกตูมและดอกบาน  ก้อนเมฆที่ลอยผ่านไปมา  สายฝนที่ตกลงมา  เสียงน้ำไหลของลำธาร  รัศมีเจิดจ้าของท้องฟ้า  สิ่งเหล่านี้ล้วนพูดกับจิตใจของเราและเชิญชวนให้เรามาทำความรู้จักพระเจ้า ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งเหล่านั้น  {SC 85.1}
                พระ ผู้ช่วยให้รอดของเราทรงนำบทเรียนอันมีค่าของพระองค์มาเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ  ต้นไม้  นก  ดอกไม้ในหุบเขา  เนินเขา  ทะเลสาบ  และท้องฟ้าที่สวยงาม  รวมทั้งเหตุการณ์และสิ่งที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของเรา  พระองค์นำสิ่งเหล่านี้มาเชื่อมต่อกับพระวจนะแห่งความจริงเพื่อเราจะจดจำบท เรียนต่างๆ ของพระองค์อยู่เสมอ  แม้ในช่วงเวลาที่เรากำลังยุ่งอยู่กับภารกิจในชีวิตของเราก็ตาม  {SC 85.2}
                พระ เจ้าทรงประสงค์ให้เหล่าบุตรทั้งหลายของพระองค์พึงพอใจในพระหัตถกิจของ พระองค์และชื่นชมกับความงามอันเรียบง่ายและสงบเงียบที่พระองค์ทรงใช้ประดับ บ้านของเราในโลกนี้  พระองค์ทรงเป็นผู้ที่รักความสวยงามและเหนือความงดงามภายนอกใดๆ พระองค์ทรงโปรดปรานอุปนิสัยที่งดงามมากยิ่งกว่า  พระองค์ทรงประสงค์ให้เราบ่มเพาะนิสัยที่บริสุทธิ์และเรียบง่ายซึ่งเป็น เหมือนความงดงามที่เรียบง่ายของดอกไม้ทั้งปวง  {SC 85.3}
                ถ้า หากเราเพียงแต่ยอมฟัง  สรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างจะสอนบทเรียนแห่งการเชื่อฟังและการวางใจที่มีคุณ ค่ายิ่งให้แก่เรา  นับตั้งแต่ดวงดาวบนท้องนภาที่โคจรไปในอวกาศตามเส้นทางของมันจากยุคหนึ่งไป สู่อีกยุคหนึ่งโดยที่ดวงดาวเหล่านั้นไม่มีลู่ทางให้มันเดิน  จนถึงอะตอมขนาดเล็กที่สุด  ทุกสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติเชื่อฟังตามพระบัญชาของพระผู้สร้าง  และพระเจ้าทรงใส่พระทัยทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง  และพระองค์ทรงบำรุงรักษาสิ่งเหล่านั้น  พระองค์ทรงค้ำจุนโลกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ไพศาล  และในเวลาเดียวกัน  พระองค์ทรงใส่พระทัยต่อความต้องการของนกกระจอกสีน้ำตาลตัวน้อยๆ ที่ร้องเพลงอย่างแผ่วเบาโดยปราศจากความกลัว  พระบิดาบนสวรรค์ทรงเฝ้ามองดูมนุษย์ทุกคนด้วยความเอ็นดู  ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่พวกเขาออกไปทำงานตรากตรำของชีวิตประจำวัน  พระองค์ทรงเฝ้าเช่นเดียวกับในขณะเมื่อเขาอธิษฐานอยู่  เมื่อเขานอนลงในยามค่ำคืน  และเมื่อเขาลุกขึ้นในเวลาเช้า  เมื่อคนร่ำรวยเลี้ยงฉลองกันในคฤหาสน์หรือเมื่อคนยากจนกับลูกๆ นั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารที่มีอาหารแต่เพียงเล็กน้อย  ไม่มีหยาดน้ำตาใดที่ไหลออกมาโดยที่พระเจ้าไม่ได้สังเกต  ไม่มีรอยยิ้มใดที่พระองค์ไม่ได้มองเห็น  {SC 85.4}
                หาก เราจะเชื่อเช่นนี้ด้วยความเต็มใจแล้ว  เราก็จะขจัดความกังวลที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกไปได้  ชีวิตของเราจะไม่เต็มไปด้วยความผิดหวังเหมือนกับสภาพที่เป็นอยู่ในทุก วันนี้  เพราะทุกสิ่ง  ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กน้อยสักเพียงใด  จะจัดวางไว้อยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า  ความกังวลใจมากมายหลากหลายและภาระที่หนักจะไม่ไปรบกวนพระองค์  และจิตวิญญาณของเราจะได้ชื่นชมกับการพักผ่อนซึ่งคนมากมายปรารถนาที่จะรับ  {SC 86.1}
                เมื่อ ท่านรู้สึกประทับใจกับความสวยงามที่ดึงดูดใจของโลกนี้แล้ว  ขอให้ท่านลองคิดถึงโลกที่กำลังจะมาถึงในภายภาคหน้า  ซึ่งเป็นโลกที่ไม่เคยประสบกับความหายนะของความบาปและความตาย  ไม่มีเงามืดแห่งคำแช่งสาปบดบังพื้นผิวของธรรมชาติ  ให้ท่านจินตนาการถึงบ้านที่บรรดาคนที่ได้รับความรอดจะไปอยู่อาศัย  และขอให้ท่านจดจำไว้ว่า  บ้านหลังนั้นจะยิ่งใหญ่กว่าการจินตนาการที่ดีที่สุดของเราจะคิดพรรณนาขึ้นมา ได้  จากของประทานมากมายของพระเจ้าที่มีอยู่ในธรรมชาติ  เรามองเห็นพระสิริของพระเจ้าได้แค่เพียงเลือนรางเท่านั้น  พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า  สิ่งที่ตาไม่เห็น  หูไม่ได้ยิน  และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึงคือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์  .(1 โครินธ์  2:9{SC 86.2}
                กวี และนักธรรมชาติวิทยามีเรื่องมากมายที่จะพูดถึงธรรมชาติ  แต่มีเพียงคริสเตียนเท่านั้นที่จะชื่นชมกับความงดงามของโลกด้วยความซาบซึ้ง ใจที่สุด  เพราะพวกเขามองเห็นพระหัตถกิจของพระบิดาและรับรู้ถึงความรักของพระองค์ที่ มองเห็นได้ในดอกไม้  พุ่มไม้และต้นไม้  ไม่มีผู้ใดจะเข้าใจความสำคัญของเนินเขาและหุบเขา  แม่น้ำและทะเลได้อย่างเต็มที่  โดยที่เขามองไม่เห็นว่าสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรักที่พระเจ้าทรงมี ไว้ให้แก่มนุษย์  {SC 87.1}
                พระ เจ้าตรัสกับเราโดยผ่านทางพระราชกิจของพระองค์และโดยผ่านทางอิทธิพลของพระ วิญญาณที่มีต่อจิตใจ  ในสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา  ในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวของเรา  หากเราจะเปิดใจกว้างเพื่อเข้าใจสิ่งเหล่านั้น  เราจะรับบทเรียนอันมีค่ามากมาย  เมื่อผู้ประพันธ์สดุดีได้ติดตามพระราชกิจแห่งการทรงนำของพระเจ้า  พระองค์ได้ทรงตรัสว่า  แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระเจ้า  ผู้ใดฉลาดก็ขอให้ฟังสิ่งเหล่านี้ให้เขาพิจารณาถึงความรักมั่นคงของพระเจ้า  (สดุดี 33:5; 107:43)  {SC 87.2}
                พระเจ้าทรงตรัสกับเราโดยผ่านทางพระวจนะของพระองค์  ในพระวจนะซึ่งได้เปิดเผยไว้อย่างชัดเจน  เพื่อให้เราทราบถึงพระอุปนิสัยของพระองค์  วิธีที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อมนุษย์และพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของการไถ่ให้รอด  พระวจนะนี้ทำให้เรามองเห็นประวัติศาสตร์ของเหล่าปิตุลาและผู้เผยพระวจนะและผู้ชอบธรรมของพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ในอดีต  พวกเขา  เป็นคนเหมือนอย่างเราทุกประการ  (ยากอบ 5:17)  เราเห็นเขาเหล่านั้นต่อสู้กับความท้อแท้เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับเรา  เห็นพวกเขาพ่ายแพ้ต่อการทดลองเหมือนกับที่เราประสบ  แต่ถึงกระนั้น  พวกเขากลับใจและได้รับชัยชนะโดยพระคุณของพระเจ้า  และด้วยการมองไปยังคนเหล่านี้  เราจะได้กำลังใจในการปล้ำสู้เพื่อความชอบธรรม  ในขณะที่เราอ่านเรื่องของประสบการณ์อันมีค่าที่ทรงโปรดประทานให้แก่พวกเขา  เรื่องของแสงสว่างและความรักและพระพรที่พวกเขาชื่นชอบ  และเรื่องของผลงานที่เขาทำโดยพระคุณที่ทรงโปรดประทานให้นั้นพระวิญญาณที่ทรง ดลใจเขาเหล่านั้นจะจุดประกายขึ้นในจิตใจของเรา  เพื่อให้พวกเราทำตามสิ่งที่บริสุทธิ์นั้นและทำให้เราต้องการมีอุปนิสัย เหมือนเช่นพวกเขา  นั่นคือ  ได้ดำเนินร่วมไปกับพระเจ้าเหมือนที่พวกเขาเคยทำมาแล้ว  {SC 87.3}
                พระเยซูตรัสถึงพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมว่า พระคัมภีร์นั้นเป็นพยานให้แก่เรา  (ยอห์น 5:39)  และพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวถึงพระองค์มากกว่าพระคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม  พระคัมภีร์กล่าวถึงองค์พระผู้ไถ่  ผู้ทรงเป็นศูนย์กลางของความหวังแห่งชีวิตนิรันดร์ของเรา  พระคัมภีร์ทั้งเล่มกล่าวถึงพระคริสต์  เริ่มตั้งแต่บันทึกครั้งแรกสุดเกี่ยวกับการทรงสร้างโลกที่กล่าวว่า  ในบรรดาที่เป็นมานั้นไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระวาทะ  (ยอห์น 1:3)  จนถึงพระสัญญาสุดท้ายในพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า  เราจะมาในเร็วๆ นี้แน่นอน  (วิวรณ์ 22:12)  เรากำลังอ่านพระราชกิจของพระองค์และคอยฟังพระสุรเสียงของพระองค์  หากท่านต้องการรู้จักพระผู้ช่วยให้รอดก็ขอให้ท่านศึกษาพระคริสตธรรมคัมภีร์  {SC 88.1}
                จงเติมพระวจนะของพระเจ้าเข้าไปในจิตใจของเราให้เต็มล้น  พระวจนะของพระเจ้าเป็นเหมือนน้ำพุแห่งชีวิตที่ดับความกระหาย  พระวจนะของพระเจ้าเป็นทิพย์อาหารแห่งชีวิตที่มาจากสวรรค์  พระเยซูตรัสว่า  ถ้าท่านไม่กินเนื้อและไม่ดื่มโลหิตของบุตรมนุษย์  ท่านก็ไม่มีชีวิตในตัวท่าน  แล้วพระองค์ทรงอธิบายความหมายของข้อความเหล่านี้ด้วยการตรัสว่า  ถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลายนั้นเป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต  (ยอห์น 6:53, 63)  ร่างกายของเราสร้างมาจากสิ่งที่เรารับประทานและดื่มเข้าไป  ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณมีลักษณะคล้ายคลึงชีวิตทางฝ่ายกาย  สิ่งที่เรานำมาไตร่ตรองจะสร้างสมรรถภาพและพละกำลังให้แก่จิตวิญญาณของเรา  {SC 88.2}
                การ ไถ่ให้รอดเป็นหัวข้อที่บรรดาเหล่าทูตสวรรค์ปรารถนาจะติดตามหัวข้อนี้จะเป็น ศาสตร์และบทเพลงของบรรดาผู้ที่ได้รับความรอดตลอดทุกยุคสมัยอย่างไม่มีวัน สิ้นสุด  เรื่องนี้ไม่มีค่าเพียงพอที่จะไตร่ตรองและศึกษาอย่างระมัดระวังในปัจจุบัน นี้หรือ  พระเมตตาคุณและความรักของพระเยซูอันไม่มีขอบเขต  การเสียสละที่พระองค์ทรงกระทำให้แก่เรา  เชิญชวนให้เราไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจังและเคร่งขรึมที่สุด  เราจะต้องไตร่ตรองถึงพระลักษณะขององค์พระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ทรงเป็นนาย ที่รักของเรา  เราจะต้องเพ่งพินิจถึงพันธกิจของพระองค์ที่เสด็จมาช่วยประชากรของพระองค์ให้ รอดพ้นจากความบาปของเขา  ในขณะที่เราใคร่ครวญเรื่องที่มาจากสวรรค์  ความเชื่อและความรักที่มีอยู่ในตัวของเราก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น  และพระเจ้าจะทรงยอมรับคำอธิษฐานของเรามากยิ่งขึ้น  เพราะคำอธิษฐานนั้นจะประกอบด้วยความเชื่อและความรักที่เด่นชัดขึ้น  พวกเขาจะมีปัญญาและมีความร้อนรน  จะมีความวางใจในพระเยซูได้แน่วแน่มากยิ่งขึ้น  และในทุกๆ วัน  พวกเขาก็จะได้รับประสบการณ์ชีวิตโดยอาศัยอำนาจแห่งการช่วยให้รอดของพระองค์ ที่ทรงนำทุกคนที่เข้ามาหาพระเจ้าโดยทางพระเยซู  {SC 88.3}
                เมื่อ เราใคร่ครวญถึงความดีรอบคอบขององค์พระผู้ช่วยให้รอด  เราก็ปรารถนาที่จะรับการเปลี่ยนแปลงและรับการสร้างใหม่อย่างหมดสิ้นในพระ ฉายาอันบริสุทธิ์ของพระองค์  จิตวิญญาณจะหิวกระหายที่จะเป็นเหมือนพระองค์ที่เรารักบูชา  เมื่อเรานึกคิดถึงพระคริสต์มากขึ้นเพียงไร  เราก็จะกล่าวถึงพระองค์ให้ผู้อื่นฟังและเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกนี้มาก ยิ่งขึ้นเท่านั้น  {SC 89.1}
                พระคริสตธรรมคัมภีร์ไม่ได้เขียนให้ผู้คงแก่เรียนเท่านั้น  ในทางกลับกันพระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้คนสามัญทั่วไป  ด้วยความจริงยิ่งใหญ่ที่จำเป็นต่อความรอดนั้นแจ่มแจ้งชัดเจน  ดังเช่นเวลาเที่ยงวัน  และจะไม่มีผู้ใดเข้าใจผิดและหลงทางไปได้  นอกจากผู้ที่ทำตามความคิดของตนเองแทนพระประสงค์ของพระเจ้าที่ได้ทรงเปิดเผยไว้อย่างชัดเจน  {SC 89.2}
                เรา จะต้องไม่เชื่อคำพูดของผู้อื่นมากเท่ากับการเชื่อในสิ่งที่พระคัมภีร์สอน  แต่เราจะต้องศึกษาพระวจนะของพระเจ้าด้วยตนเอง  หากเราปล่อยให้คนอื่นคิดแทนเรา  พลังความคิดของเราจะพิการไปและความสามารถของเราก็จะหดหายไป  พลังสมองอันประเสริฐจะแคระแกร็น  เพราะขาดการฝึกฝนในหัวข้อที่มีคุณค่าซึ่งต้องเอาใจใส่จนทำให้ความสามารถใน การเข้าใจความหมายลึกซึ้งในพระวจนะของพระเจ้าขาดหายไป  ความนึกคิดจะเพิ่มพูนขึ้นถ้านำไปใช้เพื่อติดตามความสัมพันธ์ของเรื่องต่างๆ ในพระคัมภีร์โดยเปรียบเทียบข้อพระคัมภีร์ด้วยข้อพระคัมภีร์  และเรื่องของฝ่ายจิตวิญญาณด้วยเรื่องของฝ่ายวิญญาณ  {SC 89.3}
                ไม่ มีสิ่งใดที่จะเสริมสร้างสติปัญญาให้แข็งแกร่งขึ้นได้ดีกว่าการศึกษาพระ คัมภีร์  ไม่มีหนังสือเล่มใดที่มีอำนาจในการยกระดับความคิด  สร้างความกระชุ่มกระชวยให้แก่สติปัญญาได้ดีเท่ากับความจริงอันกว้างขวางและ สูงส่งของพระคัมภีร์  ถ้าหากทุกคนจะศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างที่เขาควรจะทำแล้ว  มนุษย์จะมีความคิดที่เปิดกว้าง  มีอุปนิสัยที่สง่างาม  และมีความมุ่งหมายมั่นคงที่มีให้เห็นน้อยมากในยุคนี้  {SC 90.1}
                แต่ การอ่านพระคัมภีร์อย่างรีบเร่งจะให้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย  บางคนอ่านพระคัมภีร์จนจบเล่ม  แต่มองไม่เห็นความงดงามและไม่เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายใน  การศึกษาพระคัมภีร์เพียงตอนหนึ่งจนกระทั่งสมองเข้าใจความสำคัญของพระคัมภีร์ ข้อนั้นอย่างชัดเจน  และมองเห็นหลักฐานที่สัมพันธ์กับแผนการแห่งความรอด  จะมีค่ามากยิ่งกว่าการอ่านหลายบทโดยไม่มีเป้าหมายแน่นอนและไม่ได้รับคำสอน ที่ก่อให้เกิดประโยชน์  ขอให้ท่านนำพระคัมภีร์ติดตัวไว้เสมอ  เมื่อมีโอกาสให้เปิดอ่าน  ใส่ข้อพระคัมภีร์เข้าไปในความจำของท่าน  แม้ในขณะที่เดินอยู่ตามถนน  ท่านอาจจะอ่านพระคัมภีร์สักตอนหนึ่งและใคร่ครวญถึงตอนนั้น  การทำเช่นนี้จะทำให้สมองจดจำข้อพระคัมภีร์ได้ดี  {SC 90.2}
                การ ไม่ใส่ใจศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจังและการไม่อธิษฐานจะทำให้เราไม่ได้รับ ปัญญา  มีพระคัมภีร์บางตอนที่กล่าวไว้ชัดเจนมากจนไม่มีทางที่จะเข้าใจผิดได้  แต่ก็มีพระคัมภีร์หลายตอนที่ไม่ได้มีความหมายอย่างผิวเผินที่จะให้เราเข้าใจ ได้ด้วยการมองแค่เพียงผ่านตา  เราจะต้องเอาข้อพระคัมภีร์ข้อหนึ่งมาเปรียบเทียบกับข้อพระคัมภีร์อีกข้อ หนึ่ง  เราจะต้องค้นคว้าอย่างเอาใจใส่และไตร่ตรองคิดคำนึงด้วยการอธิษฐาน  และการศึกษาเช่นนี้จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า  คนทำเหมืองได้ค้นพบสายแร่อันมีค่าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผิดโลกเช่นไร  ผู้ที่ศึกษาค้นหาพระวจนะของพระเจ้าด้วยความพากเพียรเหมือนเช่นการค้นหาขุม ทรัพย์ที่ซ่อนไว้จะพบความจริงล้ำค่าที่สุดเช่นเดียวกัน  เป็นความจริงที่ถูกปกปิดจากสายตาของผู้ที่แสวงหาอย่างไม่ตั้งใจ  เมื่อจิตใจไตร่ตรองพระวจนะที่ได้รับการดลใจ  พระวจนะนั้นก็จะเป็นธารน้ำที่ไหลออกมาจากน้ำพุแห่งชีวิต  {SC 90.3}
                อย่า ศึกษาพระคัมภีร์โดยไม่อธิษฐาน  ก่อนที่จะเปิดหน้าพระคัมภีร์เราจะต้องทูลขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานความ กระจ่างแก่เรา  และพระองค์จะทรงประทานให้  เมื่อนาธานาเอลมาหาพระเยซู  พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่า  ดูเถิด  ชนอิสราเอลแท้ในตัวเขาไม่มีอุบาย  นาธานาเอลทูลถามว่า  พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร  พระเยซูตรัสตอบว่า  ก่อนที่ฟิลิปจะเรียกท่าน  เมื่อท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น  เราเห็นท่าน  (ยอห์น 1:47, 48)  และพระเยซูจะทรงทอดพระเนตรเราในที่ลี้ลับแห่งการอธิษฐานด้วยเช่นกัน  หากเราจะแสวงหาพระองค์เพื่อขอแสงสว่างที่เราจะได้รู้ว่าความจริงคืออะไร  ทูตสวรรค์ที่มาจากโลกแห่งความสว่างจะร่วมอยู่กับผู้ที่แสวงหาการทรงนำของพระ เจ้าด้วยจิตใจที่ถ่อมตน  {SC 91.1)
                พระวิญญาณบริสุทธิ์เชิดชูและถวายเกียรติพระผู้ช่วยให้รอด  เป็นพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่นำเสนอพระคริสต์  ความชอบธรรมอันบริสุทธิ์ของพระองค์แล้วความรอดยิ่งใหญ่ที่เราจะได้รับโดยทางพระองค์  พระเยซูตรัสว่า  พระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่ท่านทั้งหลาย  (ยอห์น 16:14)  พระวิญญาณแห่งความจริงทรงเป็นพระอาจารย์ผู้สอนเรื่องของพระเจ้าได้อย่างเกิด ผลเพียงพระองค์เดียว  พระเจ้าทรงประเมินค่าของเผ่าพันธุ์มนุษย์มากเพียงไรในการที่พระองค์ได้ทรง ประทานพระบุตรของพระองค์ให้ลงมาสิ้นพระชนม์เพื่อเขาและทรงบัญชาพระวิญญาณของ พระองค์ให้เสด็จมาเป็นพระอาจารย์และพระผู้ทรงนำของมนุษย์ตลอดไป  {SC 91.2}


Visit us for more information http://www.greatesthope.com

For more information, please contact 
Alejandro at mienfield@yahoo.com
or contact
Thailand Adventist Mission 
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
 
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
 
Information:  
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
 

VISIT ALSO


http://www.adventist.or.th/

http://thaivop.com/

No comments: