เคล็ดลับที่
13
จงชื่นชมยินดีในพระเจ้า
พระเจ้าทรงเรียกเชิญให้เหล่าบุตรทั้งหลายของพระองค์มาเป็นตัวแทนของพระ
คริสต์ เพื่อให้คนทั้งหลายได้มองเห็นถึงความดีและพระเมตตาคุณของพระเจ้า
พระเยซูทรงเปิดเผยพระลักษณะที่แท้จริงของพระบิดาให้แก่เรา ดังนั้น
เราจึงต้องแสดงพระคริสต์ให้แก่ชาวโลกที่ไม่รู้จักความรักที่เปี่ยมด้วยความ
อ่อนโยนและความเมตตาของพระองค์ พระเยซูตรัสว่า “พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาในโลกฉันใด ข้าพระองค์ก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น” “ข้าพระองค์อยู่ในเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์.....เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา” (ยอห์น 17:18, 23)
อัครทูตเปาโลกล่าวกับผู้ที่เป็นสาวกของพระเยซูว่า “ท่านปรากฏเป็นหนังสือของพระคริสต์” “ให้คนทั้งปวงได้รู้และได้อ่าน” (2 โครินธ์
3:3, 2)
พระเยซูทรงประสงค์ให้บุตรทุกคนของพระองค์นำจดหมายของพระองค์ไปให้แก่โลก
ถ้าท่านเป็นผู้ติดตามของพระคริสต์
พระองค์ทรงฝากให้ท่านนำจดหมายที่อยู่ในตัวของท่าน
ส่งต่อไปให้แก่ครอบครัวของท่าน ให้แก่หมู่บ้าน
ตามถนนหนทางในละแวกที่ท่านอาศัย เมื่อพระเยซูสถิตอยู่ในท่าน
พระองค์ทรงปรารถนาตรัสผ่านท่านไปยังจิตใจของผู้ที่ยังไม่คุ้นกับพระองค์บาง
ทีพวกเขาไม่ได้อ่านพระคัมภีร์หรือไม่ได้ยินพระสุร
เสียงที่พระองค์ตรัสกับเขาผ่านทางพระคริสตธรรมคัมภีร์ในแต่ละหน้า
พวกเขามองไม่เห็นความรักของพระเจ้าที่มีอยู่ในพระราชกิจของพระองค์
แต่หากท่านเป็นตัวแทนที่สัตย์ซื่อของพระเยซูแล้ว
ท่านอาจชักนำพวกเขาให้มาเข้าใจคุณความดีบางประการของพระเจ้าโดยผ่านตัวท่าน
และนำพวกเขาเข้ามาสู่ความรักและการร่วมรับใช้พระองค์ {SC 115.1}
คริสเตียนเป็นผู้ถือประทีปบนเส้นทางที่มุ่งไปยังสวรรค์
เขาจะต้องสะท้อนความสว่างที่ได้รับจากพระคริสต์ไปให้แก่คนในโลก
ชีวิตและอุปนิสัยของเขาจะต้องทำให้ผู้อื่นเข้าใจพระคริสต์และพระราชกิจแห่งการรับใช้ของพระองค์ได้อย่างถูกต้อง {SC 115.2}
หาก
เราเป็นตัวแทนของพระคริสต์ เราจะทำให้งานแห่งการรับใช้พระองค์น่าสนใจ
ตามความเป็นจริงคริสเตียนทีเก็บรวบรวมความหดหู่และความโศกเศร้าไว้ในจิต
วิญญาณของตนเองและโอดครวญและบ่น
กำลังแสดงตัวอย่างไม่ถูกต้องของพระเจ้าและของชีวิตคริสเตียนให้แก่ผู้อื่น
พวกเขาจะทำให้คนอื่นคิดว่าพระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยที่จะให้บุตรของพระองค์มี
ความสุขและด้วยการทำเช่นนี้
เขาเป็นพยานเท็จให้กับพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ {SC 116.1}
ซาตาน
ยินดีปรีดาเมื่อมันนำบุตรของพระเจ้าไปสู่ความไม่เชื่อและความหดหู่ใจ
มันชื่นชอบที่เห็นเราขาดความไว้วางใจในพระเจ้า
สงสัยน้ำพระทัยของพระองค์และอำนาจของพระองค์ที่จะช่วยเราให้รอด
มันพอใจเมื่อมันทำให้เรารู้สึกว่า การทรงนำของพระเจ้าจะนำภัยมาให้เรา
เป็นงานของซาตานที่ต้องการทำให้เรามองเห็นว่าพระเจ้าขาดความเห็นใจและไม่
สงสารผู้ใด
มันอ้างความจริงในเรื่องของพระองค์ไปในทางที่ผิด
มันเสริมแต่งจินตนาภาพเรื่องของพระเจ้าด้วยแนวคิดที่ผิด
และแทนที่เราจะใส่ใจในความจริงเรื่องของพระบิดาบนสวรรค์
สมองขอบงเราไปยึดติดอยู่กับภาพผิดๆ
ที่ซาตานได้เอามาให้และหลู่พระเกียรติของพระเจ้าด้วยการไม่วางใจในพระองค์
และบ่นติเตียนพระองค์
ซาตานคอยหาทางอยู่เสมอที่จะทำให้ชีวิตฝ่ายศาสนาเป็นเรื่องที่เศร้าหมอง
มันต้องการทำให้ชีวิตฝ่ายศาสนาเป็นภาระและเต็มไปด้วยความยากลำบาก
และเมื่อคริสเตียนนำเสนอชีวิตฝ่ายศาสนาของเขาเองด้วยภาพเช่นนี้ด้วยความไม่
เชื่อของเขาจึงไปสนับสนุนการหลอกลวงของซาตาน {SC 116.2}
คน
มากมายที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งชีวิตได้หมกมุ่นอยู่กับความผิดและความ
ล้มเหลวและความผิดหวังของตนเอง
และจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์และความท้อแท้ใจ
ในขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ในทวีปยุโรป
มีน้องหญิงคนหนึ่งที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ และเธอตกอยู่ในความทุกข์
เธอเขียนจดหมายมาหาข้าพเจ้าและขอคำหนุนใจ
ในคืนนั้นหลังจากที่ข้าพเจ้าได้อ่านจดหมายของเธอ ข้าพเจ้าฝันว่า
ข้าพเจ้ากำลังเดินอยู่ในสวนแห่งหนึ่ง
และมีผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นเจ้าของสวนกำลังเดินนำข้าพเจ้าไปตามทางเดิน
ของสวน
ข้าพเจ้ากำลังเก็บดอกไม้และเพลิดเพลินอยู่กับกลิ่นหอมของมัน
เมื่อน้องหญิงผู้นี้ซึ่งเดินอยู่เคียงข้างข้าพเจ้าได้ดึงข้าพเจ้าให้หันมา
สนใจมองดูหนามบางส่วนที่ขวางอยู่บนทางเดินของเธอ
เธอคร่ำครวญและเศร้าสลดอยู่ตรงนั้น
เธอไม่ได้เดินไปตามทางเดินที่คนนำทางพาไป
แต่กลับเดินเข้าไปสู่กลางขวากและพงหนาม เธอร้องครวญครางด้วยความท้อใจว่า “น่าเสียดายจริงๆ
ที่หนามแหลมพวกนี้ทำลายสวนที่สวยงามแห่งนี้” แล้วคนนำชมสวนตอบว่า “อย่าไปสนใจคมหนามเหล่านั้น มันเพียงแค่ทำให้คุณเจ็บปวดเท่านั้นเอง ให้เราเก็บดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่และดอกมะลิกันเถิด” {SC 116.3}
ประสบการณ์
ชีวิตของท่านไม่มีช่วงสดใสบ้างหรือ
ท่านไม่เคยมีช่วงเวลาอันทรงคุณค่าเมื่อหัวใจของท่านเต้นอย่างมีความสุขเพื่อ
ตอบสนองพระวิญญาณของพระเจ้าหรือ เมื่อท่านมองย้อนกลับไปยังบทต่างๆ
ในหน้าหนังสือของประสบการณ์ชีวิตของท่านที่ผ่านๆ
มา
ไม่มีหนังสือบันทึกหน้าใดในประสบการณ์ของท่านที่สร้างความสุขให้ท่านบ้าง
หรือ
พระสัญญาของพระเจ้าไม่ได้เป็นเหมือนดอกไม้ซึ่งขึ้นอยู่ตามทางเดินของท่านที่
ส่งกลิ่นหอมบ้างหรือ
ท่านจะไม่ให้ความงดงามและความหวานชื่นของดอกไม้เติมจิตใจของท่านให้เต็มด้วย
ความสุขบ้างหรือ {SC
117.1}
ขวาก
หนามเพียงแต่ทำให้ท่านบาดเจ็บและโศกเศร้าใจ
และหากท่านจะเก็บรบรวมแต่สิ่งเหล่านี้ และนำไปเสนอให้แก่ผู้อื่น
ท่านไม่เพียงกำลังดูแคลนพระคุณความดีของพระเจ้าด้วยตัวท่านเองเท่านั้น
แต่ท่านกำลังขัดขวางคนรอบข้างให้ออกไปจากการเดินในทางแห่งชีวิตด้วยหรือไม่
{SC 117.2}
เป็นการไม่ฉลาดที่จะเก็บรวบรวมความทรงจำที่ไม่ราบรื่นทั้งหมดของชีวิตที่ผ่านมาเอาไว้ รวมทั้งความเลวร้ายและความผิดหวัง
เพื่อพูดและโอดครวญถึงเหตุการณ์เหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งตัวเราเองถูกครอบงำด้วยความท้อแท้
จิตวิญญาณที่ท้อถอยนี้จะเต็มไปด้วยความมืดมน
ความรู้สึกเช่นนี้จะปิดกั้นจิตวิญญาณของเขาเองจากแสงสว่างของพระเจ้า และยังทอดเงามืดลงบนเส้นทางเดินของผู้อื่นอีกด้วย {SC 117.3}
จง
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับภาพเหตุการณ์อันสดใสซึ่งพระองค์ทรงประทานให้แก่เรา
จงนำคำสัญญาอันประเสริฐที่มีอยู่ในความรักของพระองค์มารวมเข้าด้วยกัน
เพื่อเราจะมองดูภาพเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
ภาพเหตุการณ์ที่พระบุตรพระเจ้าทรงสละพระบัลลังก์ของพระบิดา
ภาพที่พระองค์ทรงนำความเป็นมนุษย์มาสวมทับความเป็นพระเจ้าเพื่อช่วยมนุษย์
ให้รอดพ้นจากอำนาจของซาตาน
ภาพชัยชนะของพระองค์ที่ทรงทำไว้เพื่อเห็นแก่เรา
ภาพที่พระองค์ได้ทรงเปิดประตูสวรรค์ออกให้แก่มนุษย์
และเปิดเผยให้สายตามนุษย์ได้มองเห็นสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงเปิดเผยพระสิริของ
พระองค์
ภาพมนุษย์ซึ่งล้มลงในบาปได้ถูกนำขึ้นมาจากหลุมแห่งความพินาศที่บาปได้ผลัก
เขาให้ตกลงไป
และนำเขากลับมาสื่อสัมพันธ์กับพระเจ้าพระผู้ไม่มีขอบเขตจำกัด
และได้อดทนต่อการทดสอบของพระเจ้าผ่านทางความเชื่อในพระผู้ไถ่ของเรา
เราได้สวมเสื้อความชอบธรรมของพระคริสต์
และถูกยกชูขึ้นไปถึงพระบัลลังก์ของพระองค์
เหล่านี้เป็นภาพที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้จิตใจของเราใคร่ครวญอยู่เสมอ {SC 118.1}
เมื่อ
ดูเสมือนหนึ่งว่าเราจะสงสัยในความรักของพระเจ้าและไม่วางใจในพระสัญญาของ
พระองค์
เราได้หลู่เกียรติพระองค์และทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียพระทัย
คุณแม่จะรู้สึกอย่างไรกับลูกๆ ที่คอยบ่นต่อว่าเธออยู่เสมอๆ
ราวกับว่าเธอไม่เคยหวังดีต่อพวกเขาเลย
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว
ทุกสิ่งที่เธอทำตลอดชีวิตของเธอนั้น
ก็ทำเพื่อประโยชน์ของพวกเขาและเพื่อให้เขาสุขสบาย
สมมติว่าพวกเขารู้สึกสงสัยในความรักของเธอ
สิ่งนี้จะทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย ผู้ที่เป็นพ่อแม่จะรู้สึกอย่างไร
หากลูกๆ ของเขาทำกับเขาเช่นนี้
และพระบิดาของเราบนสวรรค์จะทรงมีท่าทีต่อเราอย่างไรเมื่อเราไม่ไว้วางใจใน
ความรักของพระองค์
ซึ่งเป็นความรักที่ทำให้พระองค์ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อที่
เราจะได้มีชีวิต อัครทูตบันทึกไว้ว่า “พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา
ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ” (โรม 8:32) ถึงกระนั้นก็ตาม มีคนมากมายเพียงไรที่การกระทำของเขาแสดงออกมาให้เห็นเป็นคำพูดว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการให้ฉัน บางทีพระองค์อาจจะทรงรักคนอื่น แต่พระองค์ไม่ได้รักฉัน” {SC 118.2}
สิ่ง
เหล่านี้กำลังทำร้ายจิตวิญญาณของท่าน
เพราะคำสงสัยทุกคำที่ท่านกล่าวออกมานั้น
เท่ากับเป็นการเชิญชวนการทดลองของซาตาน
สิ่งนี้ทำให้นิสัยช่างสงสัยในตัวของท่านแกร่งกล้าขึ้น
และทำให้ทูตสวรรค์ที่คอยดูแลท่านเศร้าใจ เมื่อซาตานล่อลวงท่าน
จงอย่าระบายคำพูดที่สงสัยหรือขุ่นมัวออกมาแม้เพียงสักคำเดียว
หากท่านเลือกที่จะเปิดประตูให้แก่คำเสนอแนะของมัน
สมองของท่านก็จะเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่วางใจและการดื้อเพ่ง
หากท่านกล่าวความรู้สึกของท่านออกมา
คำพูดที่ชวนให้สงสัยทุกคำที่ท่านกล่าวออกมาจะไม่เพียงมีผลกับตัวของท่านเอง
เท่านั้น
แต่จะเป็นเมล็ดที่แตกหน่อและเกิดผลในชีวิตของผู้อื่นอีกด้วย
และคงจะไม่มีทางหักล้างอิทธิพลที่มาจากคำพูดของท่านได้
ท่านเองอาจฟื้นคืนจากช่วงเวลาแห่งการทดลองและหลุดพ้นจากกับดักของซาตาน
แต่ผู้อื่นที่ซวนเซเนื่องจากอิทธิพลของท่าน
อาจไม่สามารถหลุดรอดจากความไม่เชื่อที่ท่านกล่าวไว้
การพูดถึงแต่สิ่งที่ให้กำลังและชีวิตแก่จิตวิญญาณ
จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งเพียงไร {SC 119.1}
ทูต
สวรรค์กำลังคอยฟังว่าท่านกำลังเป็นพยานถึงพระอาจารย์ในสวรรค์ของท่านให้แก่
โลกอย่างไร
จงให้การสนทนาของท่านเป็นเรื่องของพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่
เพื่อทรงเป็นผู้แก้ต่างต่อเบื้องพระบิดาให้แก่ท่าน
เมื่อท่านจูงมือของมิตรสหาย
จงให้คำสรรเสริญพระเจ้าติดอยู่บนริมฝีปากของท่านและในจิตใจของท่าน
นี่คือวิธีที่ท่านจะดึงดูดความคิดของเขาเข้าไปหาพระเยซู {SC 119.2}
ทุก
คนต่างมีความทุกข์ยาก มีความโศกเศร้าที่แทบจะแบกรับไม่ไหว
มีการทดลองที่ยากจะต่อต้านได้
อย่านำปัญหาของท่านไปบอกแก่เพื่อนมนุษย์ผู้ที่ต้องตาย
แต่จงนำทุกสิ่งมายังพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน
จงตั้งเป็นกฎไว้ว่าท่านจะไม่พูดคำพูดที่ชวนให้สงสัยหรือคำพูดที่ทำให้เกิด
ความท้อแท้ใจแม้เพียงสักคำเดียว
ท่านสามารถทำให้ชีวิตของผู้อื่นสดใสขึ้นได้มาก
และทำให้ความพยายามของเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยคำพูดที่ให้ความหวังและกำลังใจ
ที่บริสุทธิ์ {SC 119.3}
มีจิตวิญญาณกล้าหาญมากมายที่ถูกบีบคั้นด้วยการทดลองและพร้อมที่จะยอมแพ้ต่อการต่อสู้กับตัวเองและอำนาจของความชั่ว
จงอย่าทำให้ผู้ที่ดิ้นรนอย่างหนักเช่นนี้ท้อใจ
จงให้กำลังใจแก่เขาด้วยคำพูดที่แกร่งกล้าและให้ความหวัง เพื่อหนุนให้เขาเดินในทางชีวิตของเขาต่อไป
ด้วยการทำเช่นนี้จะทำให้แสงสว่างของพระคริสต์ส่องออกมาจากตัวท่าน “ไม่มีผู้ใดมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองฝ่ายเดียว” (โรม 14:7) อิทธิพลที่ท่านทำไปโดยไม่รู้ตัวนี้
อาจจะทำให้ผู้อื่นมีกำลังใจและเข้มแข็งยิ่งขึ้น หรือทำให้เขาเกิดความท้อถอยและถูกผลักไสออกห่างจากพระคริสต์และความจริง {SC 120.1}
คนมากมายมีแนวคิดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับชีวิตและพระลักษณะของพระคริสต์
พวกเขาคิดว่าชีวิตของพระองค์ไม่อบอุ่นและไม่สดใส พระองค์มีแต่ความแข็งกร้าว เข้มงวด
และไม่มีความสุข
คนมากมายมีประสบการณ์ทางศาสนาโดยรวมที่ถูกระบายด้วยภาพที่เศร้าหมองเช่นนี้ {SC 120.2}
คน
มักอ้างเสมอว่าพระเยซูทรงกันแสง แต่เป็นที่ทราบกันว่าพระองค์ไม่เคยยิ้ม
จริงอยู่
พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเป็นบุรุษแห่งความเศร้าและทรงคุ้นเคยกับความระทม
ทุกข์
เพราะพระองค์ทรงเปิดพระทัยให้กับความทุกข์ยากทั้งหมดของมนุษย์
ถึงแม้ชีวิตของพระองค์จะเป็นชีวิตที่มีแต่การปฏิเสธตนเองและครอบคลุมด้วย
เงาแห่งความเจ็บปวดและความห่วงใย แต่วิญญาณจิตของพระองค์ไม่เคยชอกช้ำ
พระพักตร์ของพระองค์ไม่เคยแสดงออกถึงความเศร้าโศกและความไม่พอใจ
จะมีแต่ความสงบเยือกเย็น จิตใจของพระองค์เป็นน้ำพุแห่งชีวิต
และทุกหนแห่งที่พระองค์ทรงดำเนินไป พระองค์ทรงนำการพักผ่อนและสันติสุข
ความสุขและความชื่นชมยินดีไปด้วย {SC 120.3}
พระ
ผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเป็นผู้ที่เคร่งขรึมมากและมีความตั้งใจอันแรงกล้า
แต่พระองค์ไม่เคยมีจิตใจที่ห่อเหี่ยวหรือมีอารมณ์ที่ขุ่นมัว
ชีวิตของผู้ที่ทำตามแบบอย่างของพระองค์จะต้องเต็มไปด้วยเป้าหมายที่ตั้งใจ
จริง
ความรู้สึกส่วนตัวของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความรับผิดชอบอย่างแท้จริง
ความไม่เอาจริงเอาจังจะต้องถูกควบคุม จะไม่มีการรื่นเริงที่อึกทึก
ไม่มีการล้อเล่นที่ไม่สุภาพ แต่ศาสนาของพระเยซูจะมอบความสงบสุขดั่งสายธาร
เป็นศาสนาที่จะไม่ดับแสงสว่างของความสุข ไม่หยุดยั้งความชื่นบาน
หรือบดบังความแจ่มใสบนใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
พระคริสต์เสด็จมาไม่ใช่ให้ผู้อื่นมาคอยรับใช้ แต่ทรงมาเพื่อรับใช้ผู้อื่น
และเมื่อความรักของพระองค์มีอำนาจครอบครองอยู่ในจิตใจแล้ว
เราก็จะทำตามแบบอย่างของพระองค์ {SC 120.4}
หาก
เรารวบรวมความไม่ดีและไม่เป็นธรรมที่ผู้อื่นทำไว้และเก็บไว้ในจุดสุดยอดแห่ง
ความคิดของเราแล้ว
จะพบว่าเราจะรักเขาเหมือนเช่นที่พระคริสต์ทรงรักเราไม่ได้
แต่หากความคิดของเราจะมีแต่ความรักและพระเมตตาอันอัศจรรย์ที่พระคริสต์ทรงมี
ต่อเราแล้ว วิญญาณเดียวกันนี้จะไหลออกไปยังผู้อื่น
เราจะรักและเคารพซึ่งกันและกัน
และอดทนต่อความผิดและความไม่สมบูรณ์แบบที่เรามองเห็นอย่างไม่ตั้งใจได้
เราจะต้องปลูกฝังเรื่องความถ่อมตนและความไม่วางใจในตัวเราเอง
รวมทั้งความอดทนที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนต่อความผิดของผู้อื่น
การทำเช่นนี้จะกำจัดใจคับแคบที่เห็นแก่ตัว
และทำให้เราเป็นคนใจกว้างและมีจิตใจที่เผื่อแผ่ {SC 121.1}
ผู้ประพันธ์สดุดีตรัสว่า “จงวางใจในพระเจ้า และกระทำความดี
ท่านจึงอาศัยอยู่ในแผ่นดินและชื่นบานอยู่กับความปลอดภัย” (สดุดี 37:3) “จงวางใจในพระเจ้า”
แต่ละวันมีภาระหนักของวันนั้น
มีเรื่องที่เราต้องเอาใจใส่และเรื่องที่นำความกังวลมาให้สำหรับวันนั้นๆ
และเมื่อเรามาพบหน้ากัน
เราก็มีความพร้อมเพียงไรที่จะพูดคุยถึงเรื่องของความทุกข์ยากและความลำบาก
ของเรา เราปล่อยปัญหาจำนวนมากที่เราหยิบยืมมาให้บุกรุกตัวเรา
เราปล่อยตัวให้กับความกลัวมากมาย
และเราก็แสดงภาระแห่งความกังวลที่หนักหน่วงออกมาให้เห็น
จนอาจจะทำให้บางคนคิดว่า
เราคงไม่มีพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงรักและเมตตา
ผู้ทรงพร้อมที่จะคอยฟังคำทูลขอของเราทุกเรื่องและทรงสถิตอยู่กับเราเพื่อ
ช่วยเหลือเราในยามที่เราต้องการ {SC 121.2}
มี
บางคนตกอยู่ในสภาวะของความกลัวอยู่ตลอดเวลาและชอบตามหาปัญหา
ในทุกวันพวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยของประทานแห่งความรักของพระเจ้า
ในแต่ละวันเขามีความสุขกับการทรงนำของพระองค์ที่มีอยู่อย่างมากมาย
แต่พวกเขากลับมองข้ามพระพรที่อยู่รอบตัวเขา
ความนึกคิดของเขาหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เขาไม่ชอบ
ที่กลัวว่าจะมาถึงตัวเขาหรือเขาอาจหมกมุ่นอยู่กับความทุกข์ยากเล็กน้อย
บางอย่างซึ่งอาจจะมีอยู่จริง
แต่เขาปล่อยให้ความทุกข์ยากเหล่านั้นปิดตาของเขาจนมองไม่เห็นสิ่งของมากมาย
ที่เขาควรสำนึกในพระคุณ
แทนที่เขาจะผลักความทุกข์ยากที่เขาประสบอยู่นั้นไปให้พระเจ้า
ผู้ทรงเป็นแหล่งเดียวของความช่วยเหลือ
เขากลับปล่อยให้ความทุกข์ยากนั้นแยกตัวเขาเองออกไปจากพระองค์เพราะเขาปลุก
ความว้าวุ่นและการโอดครวญขึ้นมา {SC 121.3}
เรา
จะทำตัวเป็นคนไม่เชื่อเช่นนี้หรือ
ทำไมเราจึงต้องเป็นคนอกตัญญูและขาดความวางใจ พระเยซูทรงเป็นมิตรของเรา
ชาวสวรรค์ทั้งหมดใส่ใจในความทุกข์สุขของเรา
เราจะต้องไม่ปล่อยให้ความทุกข์ใจและความกังวลของชีวิตประจำวันทำให้สมองของ
เราหงุดหงิดและทำให้ความคิดของเรามืดมน หากเป็นเช่นนี้
เราจะมีแต่เรื่องที่ทำให้เราหงุดหงิดและรำคาญใจอยู่เสมอ
เราจะต้องไม่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ทำให้เรากลัดกลุ่มและบั่นทอนเรา
ซึ่งไม่ช่วยให้เราอดทนต่อการทดลองต่างๆ
ได้ {SC 122.1}
ท่าน
อาจจะปวดหัวกับธุรกิจของท่าน สิ่งที่ท่านคาดหวังไว้อาจจะมืดมนลงไปเรื่อยๆ
และท่านอาจจะถูกคุกคามด้วยความรู้สึกของการสูญเสียแต่จงอย่าหมดกำลังใจ
จงมอบความกังวลของท่านไว้กับพระเจ้า และรักษาความสงบและความชื่นบานไว้
อธิษฐานทูลขอสติปัญญาเพื่อจัดการกับธุรกิจของท่านอย่างสุขุม
และการทำเช่นนี้จะป้องกันความสูญเสียและหายนะได้
จงทำทุกอย่างเท่าที่ท่านสามารถทำได้ในส่วนของท่านเพื่อให้เกิดผลดีที่สุด
พระเยซูทรงสัญญาที่จะประทานความช่วยเหลือ
แต่ไม่ใช่โดยปราศจากความพยายามของท่าน
เมื่อท่านทำทุกสิ่งเท่าที่ท่านจะทำได้
พร้อมทั้งพึ่งในพระผู้ช่วยของเราแล้ว ขอให้ยอมรับผลลัพธ์ด้วยความชื่นบาน {SC 122.2}
พระ
เจ้าไม่ประสงค์จะให้ประชากรของพระองค์ถูกทับถมด้วยความห่วงใย
แต่พระองค์ผู้เป็นเจ้าของเราไม่เคยหลอกลวงเรา พระองค์ไม่เคยตรัสกับเราว่า
“อย่ากลัวเลย ไม่มีภัยอันตรายตามทางเดินของท่าน” พระองค์ทรงทราบดีว่า
ตามทางที่เราเดินไปนั้นเต็มไปด้วยการทดลองและภัยอันตราย และพระองค์ทรงปฏิบัติต่อเราอย่างตรงไปตรงมา
พระองค์ไม่ได้ทรงเสนอที่จะนำประชากรของพระองค์ออกไปจากโลกแห่งความบาปและความชั่ว
แต่พระองค์ทรงชี้ไปยังที่หลบภัยที่เชื่อถือได้
พระองค์ทรงอธิษฐานเพื่อเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย” พระองค์ตรัสว่า “โลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว” (ยอห์น 17:15,
16:33) {SC 122.3}
ในคำเทศนาบนภูเขาของพระคริสต์
พระองค์ทรงสอนบทเรียนอันมีค่าของความจำเป็นที่จะต้องวางใจในพระเจ้าให้แก่สาวกทั้งหลายของพระองค์
บทเรียนเหล่านี้มีไว้เพื่อให้กำลังใจแก่บุตรทั้งหลายของพระเจ้าตลอดทุกยุคสมัย
และบทเรียนซึ่งเต็มไปด้วยคำชี้แนะและคำเล้าโลมใจมากมายเหล่านี้ได้ตกทอดลงมายังยุคของเรา
พระผู้ช่วยให้รอดทรงชี้ให้บรรดาผู้ติดตามของพระองค์มองดูนกในอากาศที่กำลังส่งเสียงร้องสรรเสริญ มันไม่ต้องกังวลเรื่องราวใดๆ เพราะ “มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว” และถึงกระนั้น
พระบิดายิ่งใหญ่ทรงประทานสิ่งที่จำเป็นแก่มัน พระผู้ช่วยให้รอดตรัสถามว่า “ท่านทั้งหลายมีประเสริฐกว่านกหรือ” (มัทธิว 6:26)
พระผู้ทรงเป็นผู้ดูแลที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายได้ทรงกางพระ
หัตถ์ของพระองค์ออกและจัดเตรียมทุกสิ่งให้แก่สรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง
นกในอากาศไม่ได้อยู่นอกสายพระเนตรของพระองค์
พระองค์ไม่ได้ทรงใส่อาหารเข้าไปในจงอยปากของมัน
แต่พระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งที่มันต้องการ
พวกมันจะต้องรวบรวมรวงข้าวที่พระองค์ทรงกระจายไว้
มันจะต้องเตรียมวัสดุต่างๆ เพื่อสร้างรังน้อยๆ
ของมัน
มันจะต้องเลี้ยงลูกนกน้อยของมัน
มันส่งเสียงร้องเพลงในขณะที่มันทำงานเพราะ
“พระบิดาของท่านทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้” และ “ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ” (มัทธิว 6:26)
ท่านทั้งหลายที่นมัสการพระเจ้าด้วยปัญญาและจิตวิญญาณจะมีค่าน้อยกว่านกใน
อากาศเหล่านี้หรือ พระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตของเรา
พระผู้ทรงรักษาชีวิตของเรา
พระองค์ผู้ทรงสร้างเราในพระฉายาของพระองค์จะไม่ทรงจัดเตรียมสิ่งต่างๆ
ที่เราต้องการ หากเพียงแต่เราจะวางใจในพระองค์หรือ {SC 123.1}
พระ
คริสต์ทรงชี้ให้สาวกทั้งหลายของพระองค์มองดูดอกไม้ในทุ่งนาที่เบ่งบานอยู่
มากมายและส่องรัศมีด้วยความงดงามอันเรียบง่าย
ซึ่งพระบิดาในสวรรค์ทรงเป็นผู้ประทานให้
เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อมนุษย์
พระองค์ตรัสว่า “จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนาว่ามันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร”
ความงามและความเรียบง่ายของดอกไม้ในธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่กว่าสง่าราศีของ
กษัตริย์ชาโลมอน
อาภรณ์หรูหราที่สุดที่ตัดเย็บขึ้นมาอย่างประณีตไม่อาจเปรียบเทียบได้กับความ
อ่อนหวานและความงดงามอันอิ่มเอิบของดอกไม้ที่พระเจ้าทรงสร้างไว้
พระเยซูตรัสถามว่า “แม้ว่าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้นซึ่งเป็นอยู่วันนี้และวันรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ
ผู้มีความเชื่อน้อย
พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ” (มัทธิว 6:28, 30)
หากพระเจ้าผู้ทรงเป็นจิตรกรเอกประทานให้ดอกไม้ที่เรียบง่ายสุดซึ่งจะเหี่ยว
แห้งไปในวันเดียวให้มีความละเอียดอ่อนและหลากสีแล้ว
พระองค์จะไม่ทรงใส่ใจดูแลผู้ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นตามแบบพระฉายาของพระองค์
ให้มากกว่านี้หรือ บทเรียนของพระคริสต์เหล่านี้
ได้ตำหนิจิตใจที่ปราศจากความเชื่อซึ่งมีแต่ความคิดที่กังวล
ว้าวุ่นและสงสัย {SC 123.2}
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ให้บุตรชายและบุตรหญิงทั้งหลายของพระองค์มีความสุข มีสันติสุขและเชื่อฟัง พระเยซูตรัสว่า “เรา
มอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น
เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย” “นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม” (ยอห์น 14:27,
15:11) {SC 124.1}
ความ
สุขสำราญที่อยู่นอกเส้นทางของหน้าที่ในชีวิตซึ่งหามาได้ด้วยเป้าหมายที่เห็น
แก่ตัวนั้นจะเป็นความสุขที่ไม่สมดุล ชั่วคราวและไม่คงทนถาวร
ความสุขนั้นจะหมดไป
และจิตวิญญาณจะมีแต่ความโดดเดี่ยวและความโศกเศร้าแต่งานรับใช้พระเจ้าจะให้
ความปิติยินดีและความพึงพอใจ
คริสเตียนจะไม่ถูกทอดทิ้งให้เดินอยู่บนเส้นทางที่ไม่แน่นอน
เขาจะไม่ตกอยู่ในความเสียใจและความผิดหวังที่ไร้สาระ
หากเส้นทางชีวิตของเราในปัจจุบันนี้ไม่อาจให้ความสุขสำราญแก่เราแล้ว
เรายังคงมีความสุขได้โดยการมองไปยังชีวิตในภายภาคหน้า {SC 124.2}
แม้
ในเวลานี้คริสเตียนยังมีความสุขกับการสื่อสัมพันธ์ร่วมกับพระคริสต์ได้
พวกเขายังจะได้รับแสงสว่างในความรักของพระองค์
การปลอบประโลมซึ่งจะมีอยู่ตลอดไปจากการทรงร่วมสถิตอยู่ด้วยของพระองค์
ทุกย่างก้าวของชีวิตจะนำเราให้เข้าใกล้ชิดพระเยซูมากยิ่งขึ้น
จะนำเราให้มีประสบการณ์ในความรักของพระองค์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
และจะนำเราให้เข้าใกล้บ้านสันติสุขอันประเสริฐได้อีกก้าวหนึ่ง ดังนั้น
จงอย่าละทิ้งความเชื่อมั่นของเรา
แต่ให้มีความหวังใจที่มั่นคง
ซึ่งมั่นคงยิ่งกว่าที่เคยมีมา “พระเจ้าทรงช่วยพวกเราจนบัดนี้” และพระองค์ก็จะช่วยเราจนถึงที่สุด (1 ซามูเอล 7:12)
ให้เรามองไปยังอนุสรณ์
สำคัญที่เตือนความทรงจำของเราว่าพระเจ้าทรงกระทำการใดเพื่อปลอบประโลมใจเรา
และทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากมือของผู้ทำลาย
ให้เราเก็บความทรงจำถึงพระเมตตาคุณอันอ่อนโยนที่พระเจ้าทรงมีต่อเราให้ใหม่
อยู่เสมอ น้ำตาที่พระองค์ทรงเช็ดให้
ความเจ็บปวดที่พระองค์ทรงบรรเทาให้ความกังวลที่ทรงขจัดทิ้ง
ความกลัวที่ทรงขับออกไป ความขัดสนที่ได้ทรงเติมให้เต็ม
พระพรที่ทรงประทานด้วยการทำเช่นนี้
จะเป็นการเพิ่มพละกำลังให้แก่ตัวของเราเองเพื่อเผชิญหน้ากับทุกสิ่งตลอดเส้น
ทางการเดินทางของเราที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ {SC 125.1}
เราไม่อาจทำอย่างอื่นได้นอกจากมองไปยังความงงงวยใหม่ที่มีในความขัดแย้งที่กำลังจะมาถึง
แต่เรามองย้อนหลังพร้อมกับมองไปยังเบื้องหน้าได้และพูดว่า “พระเจ้าทรงช่วยพวกเราจนบัดนี้” “วันคืนของท่านเป็นอย่างไร ขอให้กำลังของท่านเป็นอย่างนั้น” (1 ซามูเอล
7:12, เฉลยธรรมบัญญัติ 33:25 TKJV) การทดลองจะไม่หนักเกินกำลังที่เราจะรับได้
ซึ่งเป็นกำลังที่จะช่วยให้เราทนต่อการทดลองนั้นได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น
ไม่ว่าเราจะต้องเผชิญหน้ากับงานในสถานที่ใดก็ตาม ขอให้เราลงมือทำงานนั้น โดยเชื่อว่า
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
พระเจ้าจะประทานกำลังอย่างพอเพียงให้แก่เรา เพื่อเราจะทนต่อการทดลองที่เราต้องเผชิญ {SC 125.2}
และ
ในไม่ช้าประตูสวรรค์จะเปิดออกรับเหล่าบุตรทั้งหลายของพระเจ้าและพวกเขาจะได้
ยินคำอวยพรซึ่งเป็นเสมือนดนตรีที่ไพเราะที่สุดดังมาจากพระโอษฐ์ของพระราชา
พระผู้ทรงเต็มด้วยพระสิริว่า “ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักร
ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก” (มัทธิว 25:34) {SC 125.3}
แล้ว
บรรดาผู้ที่ได้รับการช่วยให้รอดจะได้รับการต้อนรับกลับบ้านที่พระเยซูทรงจัด
เตรียมไว้ให้พวกเขา ในสถานที่นั้นจะไม่มีคนถ่อยของแผ่นดินโลก คนพูดมุสา
คนกราบไหว้รูปเคารพ
คนไม่บริสุทธิ์และคนไม่เชื่อมาเป็นพวกพ้อง
แต่พวกเขาจะมีเพื่อนเป็นผู้ที่ได้ชัยชนะเหนือซาตานและได้สร้างอุปนิสัยที่
สมบูรณ์แบบโดยพระคุณของพระเจ้า
พระโลหิตของพระคริสต์ได้ขจัดความโน้มเอียงที่จะทำบาปทั้งหลาย
ความไม่บริบูรณ์ทั้งหมดที่ทำให้พวกเขาทุกข์ในอยู่ในเวลานี้จะออกไป
และพวกเขาจะได้รับคุณความดีและความสดใสแห่งพระสิริของพระเจ้าซึ่งเจิดจ้า
ยิ่งกว่าแสงของดวงอาทิตย์ ความงดงามทางฝ่ายศีลธรรม
และอุปนิสัยอันสมบูรณ์แบบของพระคริสต์จะส่องผ่านพวกเขาด้วยคุณค่าที่มากเกิน
กว่าความงามที่มองเห็นได้จากภายนอก
พวกเขาจะปราศจากความผิดในขณะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระบัลลังก์สีขาวที่ยิ่ง
ใหญ่ของพระเจ้า
เพื่อจะได้ร่วมรับเกียรติยศและสิทธิพิเศษที่เป็นของทูตสวรรค์ทั้งหลาย {SC 126.1}
เมื่อคำนึงถึงมรดกอันรุ่งโรจน์ที่จะเป็นของเขานั้น เขาจะ “นำอะไรไปและเอาชีวิตของตนกลับคืนมา” เล่า
(มัทธิว 16:26)
เขาอาจจะเป็นคนยากจนแต่เขาจะได้เป็นเจ้าของสมบัติและเกียรติยศที่โลกนี้ไม่
สามารถมอบให้เขาได้
เมื่อจิตวิญญาณได้รับการไถ่ให้รอดและได้รับการชำระจากบาปได้มอบถวายพละกำลัง
ทั้งหมดของเขาในการรับใช้พระเจ้าแล้ว เขาก็จะมีคุณค่ามากเกินมหาศาล
และจะมีความสุขในแผ่นดินสวรรค์ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าและเหล่าทูตสวรรค์
บริสุทธิ์เมื่อมีจิตวิญญาณดวงหนึ่งได้รับความรอด
เป็นความสุขที่แสดงออกมาเป็นบทเพลงแห่งชัยชนะที่บริสุทธิ์ {SC 126.2}
Visit us for more information http://www.greatesthope.com
For more information, please contact
or contact
Thailand Adventist Mission
12 Soi Pridi Banomyong 37, Sukhumvit 71
Klongtan Nua, Wattana, Bangkok 10110
Telephone: 02-391-3595, 02-391-0525
Fax: 02-381-1928
Information:
P.O. Box 234 Prakanong Bangkok 10110 Thailand
VISIT ALSO
http://www.adventist.or.th/
http://thaivop.com/